รีวิว HYPERX Pulsefire RAID Gaming Mouse & FURY S Pro Gaming Mouse Pad

     สวัสดีครับ วันนี้นาย Audigy มีเกมมิ่งเกียร์จากค่าย HyperX มาแนะนำให้รู้จักกันอีกหนึ่งชุด นั่นคือเจ้า HyperX Pulsefire RAID Gaming Mouse และ HyperX FURY S Pro Gaming Mouse Pad ขนาด Size XL ใหญ่สุดๆ ไปเลยกับขนาด 900mm x 420mm วางได้ทั้งคียร์บอร์ดและเมาส์เลยล่ะครับ หุหุ….. โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแผ่นรองเมาส์แนวนี้เลยล่ะครับ ^O^

HyperX Pulsefire Raid

       สำหรับตัวผมเองแล้ว ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่ได้มีโอกาสได้สัมผัสอุปกรณ์ Gaming Gear จากทางค่าย HyperX  ดังนั้นเราไปดูเรื่องของ Spec ของเจ้าเมาส์ HyperX Pulsefire Raid ตัวนี้กันเลยดีกว่าครับ โดยพื้นฐานแล้วก็เป็นเม้าที่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะซึ่งเขาได้ออกแบบมาให้เล่นได้ทั้งแนวเกม Battle Royale, MOBA และ MMO กันเลยล่ะครับ เพราะจาก Spec แล้วมันออกแบบมาให้สามารถโปรแกรมปุ่มได้มากถึง 11 ปุ่มกันเลยทีเดียว โดยสามารถปรับแต่ผ่านทาง Software ที่ชื่อว่า NGenuity ได้ในระบบปฏิบัติการ  และสำหรับเมาส์ตัวนี้ก็ยังเป็นแบบมีสายถัก เชื่อมต่อผ่านแบบ USB Port 2.0  เลือกใช้ Sensor แบบ Optic คุณภาพสูงในรุ่น Pixart 3389 ความละเอียดสูงสุด 16000DPI ด้วยความเร็ว 450 DPI | 50G | Polling Rate 1000Hz ส่วนปุ่ม Switch นั้นเลือกใช้ของ OMRON 20 ล้าน Click  และน้ำหนักก็ค่อนข้างเบาเพียง 95g เท่านั้น…

 

ปุ่มเยอะขนาดนนี้ผมมองว่าสาย MMO น่าจะชอบอย่างแน่นอนครับสามารถสั่งโปรแกรมปุ่มต่างๆ ได้ตามความต้องการใน Software คู่กายอย่าง NGenuity

 

     เอาล่ะครับมาดูถึงตัวสินค้ากันเลยดีกว่าครับกับเจ้า HyperX Pulsefire RAID Gaming Mouse ที่เน้นไปที่การเล่นเกมได้ทั้งแนว Battle Royale, MOBA และ MMO ในตัวเดียวกัน การออกแบบแนวนี้ผมว่า OK นะ เผื่อใครที่ชอบเล่นเกมหลากหลายแนว ที่ไม่ได้เน้นเกมยิงแนว FPS อย่างเดียว น่าจะถูกใจแน่นอน  เพราะอย่างไรแล้วทาง HyperX ก็ยังเลือกใช้ Sensor Optical รุ่นใหญ่อย่าง Pixart 3389 ให้อยู่แล้ว….

 

อุปกรณ์ภายในกล่องนั้นก็จะประกอบไปด้วยตัวเมาส์และคู่มือใช้งาน Quick Start ให้ครับ

 

ตัวถัง Body เป็นสีดำด้านทั้งตัวด้วยวัสถดุที่ทำจากพลาสติกอย่างดี โดยที่บริเวณวงแหวนรอบๆ Scroll Wheel และ Logo HyperX นั้นจะมีไฟ RGB ที่แสดงออกมาได้ด้วยนะครับ  ส่วนความจำภายในตัวเมาส์สามารถบันทึกได้เพียง 1 Profile เท่านั้น

รายละเอียดทางเทคนิค (จากทางผู้ผลิต)

เมาส์

รูปทรง รองรับกับการใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างเหมาะมือ
เซ็นเซอร์ Pixart PMW3389 ระดับพรีเมี่ยม
ความละเอียด สูงสุด 16,000 DPI
ค่า DPI สำเร็จ 800 / 1600 / 3200 DPI
ความเร็ว 450 IPS
การเร่งการประมวลผล 50G
ปุ่มสั่งการ 11
สวิตช์ปุ่มสั่งการซ้ายและขวา Omron
ความทนทานของปุ่มสั่งการซ้ายและขวา กดใช้งานได้ 20 ล้านครั้ง
ไฟพื้นหลัง RGB (16,777,216 สี)
เอฟเฟกต์แสง วงแหวนไฟ RGB 2 ชุด
หน่วยความจำออนบอร์ด 1 โพรไฟล์การทำงาน
ประเภทการเชื่อมต่อ USB 2.0
อัตราการโพลล์ 1000Hz
ประเภทสายสัญญาณ ถัก
ขนาด L: 127.8 มม.
W: 71.0 มม.
H: 41.5 มม.
ความยาวสาย 1.8 ม.
น้ำหนัก (ไม่มีสาย)1 ประมาณ 95 ก.
น้ำหนัก (มีสาย) ประมาณ 125 ก.
ซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY

กริปยางเมาส์มีมาให้ทั้ง 2 ด้านจับติดนิ้วมือแบบใช้ได้เลยนะครับ  โดยเมาส์รุ่นนี้จะทำออกแบบสำหรับคนถนัดจบมือขวา ดังนั้นปุ่มพิเศษต่างๆ จะอยู่ที่บริเวณด้านซ้าย เพื่อใช้นิ้วโป้งกดนั่นเอง โดยปุ่มแรกด้านซ้ายมือสุดจะเป็นปุ่ม Sniper กดเพื่อลดความเร็วของ DPI ในการเล็งที่แม่นยำขึ้น ส่วนปุ่มอื่นๆ สามารถโปรแกรมเพิ่มเองได้ว่าต้องการให้ทำอะไร…

 

เนื้องานโดยรวมแล้วผมมองว่าทำออกมาได้ดีเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรูป การประกอบ และการวางปุ่มกดต่างๆ ที่ออกแบบมาได้ดี ไม่วางปุ่มเกะกะนิ้วจนเกินไป ทำให้โอกาสลั่นไปโดนปุ่มอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจมีน้อยลง

 

Scroll Wheel นอกจากจะมีวงแหวนไฟ RGB แล้วยังสามารถกดได้ 3 ปุ่ม คือกดลงไปตรงๆ และโยกปุ่มไปทางด้านซ้ายและขวาได้อีกด้วย หุหุ…

 

ออกแบบให้ปุ่มกดเม้าส์ด้านซ้ายและด้านขวาแยกออกจากกันอิสระ และออกแบบมาให้กดปุ่มได้ง่าย ทั้งแบบกดเน้นไปทางด้านหน้า หรือด้านหลังของปุ่มก็ทำได้โดยง่าย   ส่วนปุ่มเล็กๆ ด้านบนสุดนั่คือปุ่มกดเปลี่ยน DPI ครับ เดิมๆ ตั้งมาให้ 3 Step และปรับแต่งเพิ่มใน Software ได้ถึง 4 Step เลยล่ะครับ

 

HyperX Logo ตรงนี้จะแสดงไฟ RGB ออกมาเมื่อต่อใช้งาน และสามารถปรับรูปแบบการแสดงผลและสีสันต่างๆ ผ่านทางโปรแกรม NGenuity ได้

 

บริเวณด้านล่างของเมาส์นั้น เราจะเห็นได้ว่าเลือกใช้ Feet Mouse ขนาดใหญ่เพียง 2 ชิ้นเท่านั้น ที่บริเวณด้านหน้าและด้านท้ายเท่านั้น และการวาง Sensor optical Pixart 3389 นั้นวางอยู่ตรงจุดศูนย์กลางเมาส์พอดี โดยความละเอียดอยู่ที่ 16,000DPI | 450 IPS | 50G

 

สายของเมาส์เป็นแบบสายถักอย่างดีเนื้อแน่น และมีความลื่นใช้ได้เลยครับ กล่าวคือสายถักแบบดีๆ มันจะไม่เป็นตัวฉุดรั้งให้เมาส์ในการกวาดไปมานั่นเอง ทำให้เราไม่รู้สึกถึงแรงดึงหรือความหน่วงที่สายถักของเม้าไม่เยอะมาก ส่วนความยาวนั้นอยู่ที่ 1.8 เมตร ครับ

 

ขนาดของเจ้า HyperX Pulsefire RAID เมื่อวางบนอุ้งมือผมครับ ก็ไม่เล็กไม่ใหญ่ วางมือลงไปแล้วรู้สึกว่าเป็นเมาส์รุ่นหนึ่ง เมื่อจับใช้งานในครั้งแรก สามารถปรับตัวเข้ากับมันได้ง่ายและเร็วมากครับ

 

ต่อไปมาชมรายละเอียดของตัว HyperX FURY S แผ่นรองเมาส์ขนาดยักษ์ตัวนี้กันเลยดีกว่าครับ โดยที่ผมได้มานั้นเป็นแบบ SIze ใหญ่พิเศษขนาด XL 900mm X 420mm  จากภาพลองเทียบดูได้ครับว่าใหญ่แค่ไหน? เมื่อเอากล่องเมาส์วางลงไป ^^”

 

บอกได้เลยว่าเนื้องานโดนใจมาก งานดี โดยด้านบนเป็นผิวลื่นๆ และที่ชอบเลยก็คือด้านล่างเป็นยางที่มีปุ่มๆ เสริมความหนึบและการจับยึดที่ดี ไม่ทำให้แผ่นรองเมาส์เคลื่อนที่ได้ง่าย จัดว่า OK เลยครับ ^^”

 

ผืนใหญ่มากๆ วางได้ทั้งคีย์บอร์ดและเมาส์เลยล่ะครับ อิอิ

 

ดูกันใกล้ๆ อีกนิดสำหนับปุ่มยางด้านหลังแผ่นรองเมาส์ที่ออกแบบมาให้เกาะยึดกับโต๊ะได้อย่างดีเลย

 

 

     มาถึงช่วงทดสอบของเราในครั้งนี้ก็จะทดสอบเมาส์ HyperX Pulsefire RAID และแผ่นรองเมาส์ HyperX FURY S ชุดนี้กับเกม Call of Duty Modern Warfare ในโหมด Multi-Player ดูกันครับ เนื่องจากช่วงนี้ผมเล่นเกมนี้ประจำและได้รีวิวเม้าส์รุ่นอื่นๆ ไปก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งน่าจะบอกอะไรได้บ้างว่าเมื่อเล่นเกมเดียวกัน แนวเดียวกัน… แต่เปลี่ยนเมาส์จะให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างไร  แต่ก่อนอื่นนั้นผมอยากแนะนำตัว Software คู่กายของค่ายนี้ที่ชื่อว่า HyperX NGenuity และสีสันบนตัวเมาส์เวลาต่อใช้งานกันก่อนเลยครับ

 

     เมื่อต้องการปรับแต่งเมาส์แบบ Advance พิเศษๆ สำหรับเกมเมอร์มือ Pro ทั้งหลาย โดยเฉพาะสาย MMO ผมว่าต้องปรับแต่งเยอะแน่ๆ สำหรับปุ่มกดแบบต่างๆ ก่อนอื่นก็ให้ไปโหลด NGenuity มาก่อนเลยครับ โดยมันจะเป็น App ที่อยู่ใน Microsoft Store ให้เรากดติดตั้งเข้าไปใน OS เราเลยครับ  ซึ่งเมื่อทำการติดตั้งแล้ว ครั้งแรกที่เปิดขึ้นมา หากว่าตัวเมาส์ยังไม่ได้ Update Firmware ใดๆ มันจะทำการตรวจสอบ แล้วถามเราว่ามี Firmware ใหม่จะทำการติดตั้งหรือไม่?  ซึ่งตรงนี้ผมก็สั่งให้มัน Update จนเสร็จ แล้วใช้งานได้ทันที

 

เดิมๆ ถ้าเปิดมาตอนแรกสีของไฟ RGB มันจะเปลี่ยนไปตามระดับความเร็วของ DPI ที่เรากดปุ่มด้านบนเมาส์ครับ โดยมันสามารถแสดงผลได้แบบ RGB

 

และด้านล่างนี้ก็จะเป็นรูปแบบการแสดงสีสันต่างๆ ของตัวเมาส์

 

 

Software : NGenuity

ตัวโปรแกรม HyperX NGenuity ตัวนี้ออกแบบมาให้ใช้งานแบบง่ายๆ ครับไม่ได้ละเอียดลึกจนงงอะไรมาก โดยแถบเมรนูด้านบนอันแรกคือ Light มีไว้ปรับรูปแบบการแสดงผลของไฟ RGB บนตัวเมาส์ว่าจะแสดงสีสันแบบไหนและรวมถึงรูปแบบการแสดงผลต่างๆ ก็มีมาให้เลือกได้เช่นกัน

 

โดยเราสามารถปรับ Preset การตั้งค่าต่างๆ ได้ด้วยนะครับ เผื่อว่าเล่นเกมหลายแนวหรือชอบสีสันหลากหลายแนวก็เลือก Save Preset ได้

 

ส่วนนี้เป็นการเลือกโหมดการแสดงผลของไฟ RGB ว่าต้องการให้เป็นรูปแบบไหน ซึ่งเหมือนจะมีมาให้หลักๆ อยู่ 4 แบบได้แก่ Solid, Cycle, Pluse และ Breathing

 

การปรับแต่งค่า Polling rate ปรับได้ทั้งหมด 4 ระดับตั้งแต่ 125 | 250 | 500| 1000Hz

 

ปุ่มต่างๆ สามารถโปรแกรมได้เองตามความต้องการว่าให้ปุ่มไหน ทำงานอะไร โดยสามารถโปรแกรมได้ทั้งหมด 11 ปุ่มกันเลยทีเดียว

 

ส่วนเรื่องของทางด้าน Sensor นั้นก็จะมีให้ปรับ DPI Setting โดยเดิมๆ แล้วจะมีมาให้แค่ 3 ระดับครับ โดยผมเข้ามาปรับเพิ่มให้เป็น 4 ระดับตามความต้องการของผม และยังสามารถกดหนดสีของไฟ RGB ที่แสดงแยกได้ว่าความเร็วไหน สีอะไร ได้ตามความต้องการของเราครับ

 

Game Testing

      เกมที่ผมเลือกทดสอบในวันนี้ก็คือ Call of Duty Modern Warfare ในโหลดการเล่นแบบ Multi-Player ซึ่งตัวเกมจะออกแนวค่อนข้างเร็วครับ คือใครเจอใครก่อนต้องรีบยิง บางทีถ้าความว่องไวของเราไม่พอก็จะพลาดถูกยิงตายบ่อยๆ   กล่าวคือใครเล่นไม่เก่งเกมนี้เกิดมาก็ตายๆๆๆ บางทีผมยังเบื่อเซงเลยในช่วงแรกๆ ที่หัดเล่น   คือยิงใครไม่ได้เลย เกิดมาก็ตายอย่างเบื่อ…. พอเล่ยไปสักพัก และได้มีโอกาสได้ลองเปลี่ยนเมาส์รุ่นใหญ่ๆ มา 1- 2 รุ่นก่อนหน้านี้ผมเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่า จริงแล้วเมาส์แบบต่างๆ ทั้งในรูปทรงในการจับและการออกแบบ Sensor ของเมาส์นั้นมีควมสำคัญกับเกมแนวนี้มากจริงๆ ครับ

      ดังนั้นดารรีวิวเมาส์ก็อาจจะเป็นการพูดได้ยากอยู่นะครับว่า เมาส์รุ่นนี้ รุ่นนั้น ใช่นู้น นี่ มา จะเหมาะกับผู้ใช้ทุกคนเสมอไป  อันดับแรกเลยคือที่ผมจะพิจราณาเมาส์ก็คือ รูปทรงในการจับที่เข้ากับมือเราก่อน กล่าวคือมันต้องเป็นแนวที่เราจับแล้วถนัดจริงๆ  และก็มีเมาส์หลายๆ ค่ายนะครับที่ทำออกแบบมาช่วยให้ผู้ใช้ปรับตัวเข้ากับมันง่าย  และเจ้า HyperX Pulsefire RAID ตัวนี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทรงที่ผมผมจบดูแล้วถนัด และปรับตัวเข้ากัยมันได้ง่ายมาก ไม่เล็ก และไม่ใหญ่จนเกินไป  รวมถึงการวางปุ่มต่างๆ ก็ไม่เกะกะจนเกินไป ไม่ทำให้เราไปเผลอโดนง่าย โดยเฉพาะปุ่มกดด้านซ้ายมือบริเวณนิ้วโป่ง  ถึงจะมีมาเยอะถึง 5 ปุ่ม แต่มันก็อยู่สูงพอที่ตอนวางนิ้วลงไปแล้วจะไม่ไปเผลอกดใส่  คือจะใช้ค่อยขยับน้ำโป้งขึ้นไปกด ผมถือว่าทำออกมาได้ดี…  สรุปแล้วคือสำหรับผมจับแล้วปรับตัวได้ง่าย มีน้ำหนักเบามือดี ควบคุมง่าย และตัว Sensor Pixart 3389 ที่เขาว่าเทพลองดูแล้วก็ค่อนข้างนิ่งอย่างเขาว่าจริงๆ ครับ

 

      ความรู้สึกหลังจากเล่นเกมนี้อยู่ 10-20 Match หรือเล่นยาวๆ เลย 2-3 ชั่มโมงเทียบกับเมาส์ค่ายอื่นที่ผมมองว่าทำออกมาได้ดีระดับหนึ่งแล้วสำหรับการเล่นเกมนี้ของผม…. ก็พบว่าเจ้า Pulsefire RAID ก็เป็นอีกหนึ่งเมาส์ที่ช่วยให้การเล่นเกมแนวนี้นิ่งพอใช้ได้เลยล่ะครับ คือชอบเลย เพราะควบคุมง่ายมาก Sensor ไม่หลอนไม่เอ๋ออะไร นิ่งดีใช้ได้เลย เกมนี้ใครเล่นอยู่จะรู้เล็งและกว่าจะยิ่ง ทำได้ยากมาก ถ้ามือไม่นิ่งหรือยิงไม่ทัน เราก็ตายครับ… บอกได้เลยว่าเกมนี้มันไวมาก!!!  และผมก็เล่นได้ค่อนข้างดี Kill ได้เยอะพอสมควร เมื่อเทียบกับเมาส์บ้านๆ ทั่วไป ผมมองว่ายังก็ต่างครับ… โดยประสิทธิภาพไล่ๆ กับเมาส์ Hi-End รุ่นอื่นได้สบาย… โดยเฉพาะเรื่องความนิ่งของ Sensor ผมให้ผ่านครับ (ผ่านในแนวเกมที่ผมเล่นนะครับ… อย่าเอาไปเทียบกับคนอื่น เพราะสุดท้ายแล้วดีหรือไม่ดี มันก็ขึ้นอยู่ที่ทักษะการเล่นเกมและความถนัดในการจับเมาส์ทรงต่างๆ ของผู้ใช้เองเป็นหลักด้วย…)

 

Conclusion.

     เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับรีวิวเกมมิ่งเมาส์จากค่าย HyperX ในรุ่น Pulsefire RAID และแผ่นรองเมาส์ HyperX FURY S ขนาดใหญา Size XL 900mm x 420mm ใหญ่มากวางได้ทั้งเมาส์และคีย์บอร์ดชอบมากๆ ครับ  บทสรุปในวันนี้ผมไม่ขอลงลึกอะไรมาก ขอเน้นไปที่เรื่องของความนิ่งของ Sensor Optical ที่ให้มาและรูปทรงการจับก่อนเลย เพราะถึงแม้จะใส่ Sensor เทพอะไรมา แต่รูปทรงการจับไม่ OK ผมว่าเมาส์อะไรก็ใช้ยากสำหรับทุกคน…    กล่าวถึงเจ้า Pulsefire RAID นั้นออกแบบมาในรูปทรงที่จับง่ายขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เข้ากับอุ้งมือเราได้พอดี และที่สำคัญรูปทรงแนวนี้เราปรับตัวให้ชินกับมันได้ง่าย เล่นเกมแป๊บเดียวก็ชินมือแล้ว  ส่วนในเรื่องการควบคุมก็ทำได้ง่ายเพราะตัวเมาส์มีน้ำหนักค่อนข้างเบาเพียง 95g เท่านั้น  ซึ่งลักษณะนิสัยการใช้เมาส์ของผมคือไม่ชอบขยับมือมาก เน้นปรับ DPI ที่เราหนัดคือราวๆ 2400DPI แล้วเคลื่อนมือเล็กน้อย โดยผมไม่ใช่แนวเล่นแบบสายชอบกวาดเมาส์ไปมาในคงกว้างนะครับ   โดยเมาส์ตัวนี้ถือว่าทำออกแบบมาได้ดีรุ่นหนึ่งที่ผมว่าเล่นแล้วไม่ผิดหวังเท่าไร ชอบที่ Sensor ค่อนข้างนิ่งนั่นล่ะครับ.. และถัดมาก็รูปทรงในการจับ…

     ***ส่วนข้อเสียอย่างเดียวที่ผมว่าไม่ค่อย OK คือบริเวณสติ๊กเกอร์แปะฉลากด้านหลังของตัวเมาส์ ที่ลอกง่ายเกินไป ผมทดลองใช้อยู่ราวๆ ไม่เกิน 2 อาทิตย์ รู้สึกว่าลากเม้าส์ไปมา เหมือนมีเศษอะไรติดอยู่ด้านล่างเมาส์… หงายขึ้นมาดูถึงกับบางอ้อเลย กึกึ….  รอบๆ ทั้ง 4 มุมของฉลากมีฝุ่นเข้าไปได้ง่ายมาก กาวเริ่มลอก ลึกเข้าไปด้านละราวๆ 1-2mm.  สักพักผมว่าจะดึงออกละ… – -”  แต่ระวังนะครับเขาบอกว่าประกันหมดนะถ้าดึง ^^”  ปล. ผมเห็นค่ายอื่นมีเทคนิคการออกแบบเรื่องนี้นะครับ คือเขาจะทำให้ร่องติดฉลากลึกลงไปค่อนข้างมาก เพื่อป้องกันปัญหาฉลากหลุด เผื่อมีลูกค้าบางคนอาจจะเอาไปเคลมไม่ได้ ซึ่งมีผลต่อการรับประกันนั่นเอง…

     ส่วนแผ่นรองเมาส์ยักษ์รุ่นนี้ก็ถือว่าชอบเลยครับกับขนาดที่ใหญ่ วางได้ทั้งคีย์บอร์ดและเมาส์ในแผ่านเดียว ทำให้นุ่มข้อมือเมื่อใช้คีย์บอร์ดไปด้วยนั่นเอง ส่วนเรื่องพื้นผิวด้านบนของแผ่นรองรุ่นนี้ก็ค่อนข้างลื่นดีครับ และขอบทุกมุมก็เย็บเก็บงานมาให้อย่างดี  แถมพื้นผิวด้านหลังยังเป็นปุ่มยางหนึดๆ ช่วยให้จบยึดกับโต๊ะได้ดีเลย ไม่ขยับง่ายๆ อย่างแน่นอนครับ

     สุดท้ายนี้เราก็ฝากพิจารณา HYPERX Pulsefire RAID Gaming Mouse และแผ่นรองเมาส์คุณภาพ FURY S Pro Gaming Mouse Pad ขนาดใหญ่ Size : XL ตัวนี้ไว้พิจารณาสำหรับเกมเมอร์ที่กำลังมองหา Gaming Gear ดีๆ ไว้ครอบครงกันด้วยนะครับ พบกันใหม่ รีวิวฉบับหน้า สวัสดีครับ

 

Special Thank

Kingston Thailand