รีวิว AMD RADEON RX 5700 XT

     สวัสดีครับ วันนี้ก็มาถึงคิวรีวิวและผลการทดสอบของเจ้ากราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นกระแสของทาง AMD ในช่วงนี้ ซึ่งก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเจ้า RADEON RX 5700 XT ตัวนี้ซึ่งจัดว่าเป็นการ์ด Ref. เดิมๆ จากทาง AMD ที่มำออกมาสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา…  มองในแวบแรก อาจจะดูเฉยๆ แต่พอสัมผัสดูการ์ดตัวจริงแล้วพบว่ามันมีเสน่ห์ในตัวของมันเองอย่างบอกไม่ถูก…. ^^”

     เอาล่ะครับก่อนหน้านี้เราก็ได้ทำการรีวิวกราฟิกการ์ดในรุ่น RADEON RX 5700 กันไปแล้ว  ซึ่งเพื่อนๆ ก็คงจะได้เห็นหลังของเจ้า “GPU Navi 10” ที่ผลิตมาด้วยกระบวนการ 7nm. นั้นประสิทธิภาพต่อการใช้พลังงานที่ทำได้นั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับการ์ดเจนเก่าๆ  ซึ่งให้ความแตกต่างแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ว่าได้….  และต้องยอมรับว่าทาง AMD ทำการบ้านมาดีมากในครั้งนี้ “กล่าวคือ” แรงขึ้นโดยไม่ได้กินไฟมากแบบเมื่อก่อนแล้ว…  และในส่วนของรีวิวฉบับนี้เราก็จะทดสอบใช้งานและเล่นเกมต่างๆ กับเจ้า AMD RADEON RX 5700 XT 8GB GDDR6 รุ่นนี้ดูกันว่าจะแรงสักแค่ไหนเชียว !!!

และนี่คือหน้าตาของตัว GPU AMD Radeon RX 5700 XT หรือเจ้า “Navi 10” 7nm. GPU นั่นเองครับ

AMD RADEON RX 5700 XT “Navi 10”

สำหรับเรื่องของสถาปัตยกรรมผมขอเอามาจากรีวิวฉบับของ Radeon RX 5700 อันเก่ามาแปะให้ชมก็แล้วกันนะครับ เพราะการ์ดทั้ง 2 ตัวนี้ต่างกันไม่มากนัก โดยหลักๆ เลยก็เครื่องของจำนวน Stream Processors/Compute Units และเรื่องความเร็วของสัญญาณนาฬิกาบนตัว GPU เป็นหลัก…

     กราฟิกการ์ดรุ่นนี้มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมใหม่ที่เรียกว่า RDNA และถือว่าผ่านมาถึง 5 เจนแล้วสำหรับเจ้า RADEON ซึ่งก็ได้ทำการปรับปรุงโคตรสร้างด้านใน GPU ใหม่ทั้งหมดต่างไปจาก GCN รุ่นเก่าแบบยกเครื่องใหม่เลยก็ว่าได้ครับ โดยหลักๆ เลยก็คือ GPU Navi 10 รุ่นนี้จะผลิตที่กระบวนการที่เล็กลง เหลือเพียง 7nm. เท่านั้นเอง และก็เริ่มขยับมาใช้แรม GDDR6 ขนาดความจุ 8GB และเชื่อมต่อผ่าน Interface PCIe4.0 เป็นตัวแรกของโลกอีกด้วย จัดว่าเทคโนโลยีล้ำอนาคตไปกันเลยทีเดียว หุหุ…

 

       AMD RADEON RX 5700 XT ตัวนี้จะมาพร้อมกับชุด Compute Units ทั้งหมด 40 ชุด และจำนวนของ Stream Processors ทั้งหมดจะมีอยู่ 2,560 ตัว  ซึ่งรุ่นน้องอย่าง RX 5700 นั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 36 Compute Units/2,304 Stream Processors ส่วนแรมนั้นขยับมาใช้แบบ GDDR6 ขนาด 8GB โดยเป็นแรม 256-bit ความเร็วในการทำงานอยู่ที่ 1,750Mhz (14,000Mhz GDDR6) และในส่วนของความเร็วในการทำงานของ GPU นั้นจะแบ่งเป็นการทำงานที่ 3 ระดับ กล่าวคือ Boost Clock 1,905Mhz, Game Clock 1,755Mhz และ Base Clock จริงๆ 1,605Mhz (การทำงานของ GPU ในช่วง 3D Gaming นั้นจะพยายามประครองความเร็วให้อยู่ในระดับ  Game Mode มราความเร็ว 1755Mhz และจะสามารถบูสขึ้นสูงสุดได้ในบางช่วงที่ 1905Mhz ขึ้นอยู่กับอัตราการใช้พลังงาน/อุณหภูมิ และลักษณะของ Load)  ซึ่งต้องถือว่าในส่วนของ Clock Speed ของตัว GPU ในรุ่น RX 5700 XT นั้นแรงกว่าเจ้า RX 5700 น้องเล็กอยู่พอสมควรเลยล่ะ…  และในส่วนของ API พื้นฐานที่รองรับหลักๆ ก็คือ DirextX 12, OpenCL และ Vulcan ครับ

 

     เทียบให้ชมกันสำหรับรุ่นใหญ่ AMD RADEON RX 5700 XT และ RX 5700 โดยทั้งสองรุ่นนี้จะต่างกันที่จำนวน Stream Processors ด้วยครับ คือตัว RX 5700 XT จะมีทั้งหมด 2,560 Units (40 Compute Units) และการทำงานของ Base Clock/Game Clock/Boost Clock @1605/1755/1905Mhz และแรมจะทำงานเท่ากันที่ 1750Mhz (GDDR6 14Gbps) ขนาดความจุ 8GB/256-bit  และในส่วนของชุด Texture Units นั้นก็จะต่างกันด้วยเช่นกัน โดยเจ้า RX 5700 XT จะอยู่ที่ 160 ชุด ส่วนในรุ่น RX 5700 จะมีอยู่ที่ 144 ชุดครับ

 

      เทียบรุ่นกันกับ Vega64 GPU รุ่นเดิม เราจะเห็นได้ว่าเจ้า Navi GPU นั้นจะให้ประสิทธิภาพ Performance/Watt หรืออัตราการใช้พลังงานต่อประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิมถึง 1.5x เท่าตัวกันเลยทีเดียว โดยจะแรงขึ้นประมาณ +14% และกินไฟลดลง -23% เมื่อเทียบกับของเดิม และยังใช้พื้นที่ในการออกแบบตัว GPU ที่เล็กลงมากอีกด้วยครับ เพราะมันถูกผลิตด้วยกระบนการ 7nm. เท่านั้นเอง

 

     และสำหรับในอนาคตอันใกล้นี้ AMD ก็เตรียมพร้อมที่จะปล่อยกราฟิกการ์ดรุ่นใหญ่กว่าเดิมในโครงสร้าง RDNA 2 ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 7nm.+ โดยค่าว่าน่าจะเสร็จในช่วงปี 2020-2021 ที่จะถึงนี้ครับ (เพราะ RX 5700 Series นั้นยังไม่ใช่ตัวแรงสุดในสายพันธุ์ของตระกูล Navi ) ส่วนในเรื่องของ Raytracing นั้นยังไม่มีการพูดถึงแต่อย่างใด… คาดว่าน่าจะมีใช้งานการ์ดเจนหรือ หรือรอความพร้อมอะไรบางอย่างก็เป็นได้ ^^”

 

      AMD FidelityFX  เทคโนโลยีใหม่ ที่ช่วยให้ภาพในเกม 3D ที่สวยงามลบคมและเหลี่ยมออกไปได้แบบหมดจดที่เรียกว่า Contrast Adaptive Sharpening (CAS) และนอกจากนี้ยังช่วยให้นักพัฒนาเกมเอาไปพัฒนาเกมให้มีภาพดูมีรายละเอียดที่แน่นขึ้น โดยไม่กินทรัพยากรเครื่องมากนัก หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งเลยก็จะไม่หนักไปทาง Hardware แต่จะเอื้อไปทาง Engine ของนักพัฒนาเกมเสียมากกว่า โดยทาง AMD ได้ทำเป็นแบบ Open Source Impage Quality Toolkit ดังนั้นสาย dev. เกมน่าจะชิวมากขึ้นครับ ^^”

 

     และสำหรับ RADEON Media Engine นั้นก็เป็นอีกหนึ่งความหวังของเหล่า Streamer ด้วยขุมพลังใหม่ที่สามารถ Decode H.264 ได้ถึงระดับ 4K150/8K30 กันเลยทีเดียวนะเออ… ส่วนทางด้าน Encode ก็สามารถใช้เป็นตัวปล่อย 4K90 ได้เลยนะครับ หุหุ… จะโหดไปไหน ส่วนทางด้าน H.265 ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ทางด้าน Decode ทำได้ 4K60 และทางด้าน  Encode ก็สามารถทำได้ที่ 4K90 กันเลยทีเดียว… ส่วน VP9 ยอดฮิตสำหรับการปล่อยใน Youtube ก็สามารถปล่อยได้ถึง 4K60 กันเลยทีเดียวครับ ^^”

 

รายละเอียดของการ Streaming ที่รองรับ HDR/WCG (HEVC) ยกระดับคุณภาพได้ถึง 8K (HEVC/VP) โดยทาง AMD กล่าวว่าได้เพิ่มประสิทธิภาพในการ Encoder ที่เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 40% กันเลยทีเดียว

 

     ส่วนทางด้าน Display Engine นั้นก็ยังคงรองรับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง Freesync 2 HDR, HDMI 2.0b & Display Port 1.4HDR, Dolby Vision HDR10, Display Stream Compression 1.2a หรือที่เรียกว่า DSC เทคโนโลยี จุดเด่นของมันเลยก็คือ ถ้าต่อใช้งานร่วมกับ Monitor ที่รองรับด้วยแล้ว จะสามารถต่อสาย DP1.4 แบบ DSC ได้เพียงสาย 1 เส้นพร้อมกับคุณภาพในระดับ 4K 144Hz กันเลยทีเดียว ซึ่งปกติแล้วจอทั่วไปจะต้องใช้ DP 1.4 ถึง 2 เส้นครับ โดยทาง AMD เคลมว่าคุณภาพที่บีบอัดในสาย DP1.4 เพียงเส้นเดียวด้วย DSC นั้นจะยังคงให้คุณภาพที่ดีเหมือนเดิมครับ และในสตอนนี้จอภาพ Monitor ที่รองรับตัวแรกของโลกน่าจะเป็น Gaming Monitor จากค่าย ROG ที่ออกมารองรับเทคโนโลยี DSC แล้วเป็นที่เรียบร้อย….