รีวิวกราฟิกการ์ด AMD RADEON RX 5700 8GB GDDR6 (Navi 10) 7nm

     กราบสวัสดีสาวก AMD ทุกท่านครับ ช่วงนี้คงไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่าการเปิดตัวของสินค้าใหม่จากทาง AMD ทั้งในส่วนของ CPU และ VGA รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถือโอกาสเปิดตัวพร้อมๆ กันเมื่อวันที่ 7/7/2019 ที่ผ่านมา กับเข้า CPU AMD RYZEN 3900X, 3700X และกราฟิกการ์ด AMD RADEON RX 5700 และ RX 5700X ซึ่งถือว่าเป็นชุด Media Sample Kit ที่ถูกจัดส่งไปให้สื่อไอทีทั่วโลกได้สัมผัสทดลอง แล้วจึงบอกต่อแก่ผู้บริโภคว่าผลที่ได้นั้นออกมาเป็นอย่างไรกันบ้าง?

     เอาล่ะครับสำหรับ Sample ชุดแรกที่ทาง clockemup.com ได้มาทำการรีวิวนั้นก็จะเป็นชุด Kit ที่ทาง AMD Thailand จัดมาให้คือ CPU AMD RYZEN 7 3700X 8C/16T + เมนบอร์ด GIGABYTE X570 AORUS MASTER และตัวกราฟิกการ์ด AMD RADEON RX 5700 8GB GDDR6 ซึ่งเป็นการ์ด reference จากทาง AMD เอง และในส่วนของรีวิว CPU และการลองใช้ตัวกราฟิกการ์ด RX 5700 ตัวนี้เราก็ได้เผยแพร่ไปบางส่วนแล้วใรชุด Live Stream บน Youtube และ Facebook เมื่อวันที่ 7/7/2019 พร้อมกับชุด CPU AMD RYZEN 7 3700X กันไปแล้วว่ามีประสิทธิภาพที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง ใครสนใจก็สามารถย้อยกลับไปรับชม Live Stream เก่าๆ ได้ใน Fanpage และ Youtube Channel ของเราได้ครับ  ส่วนรีวิวฉบับนี้ก็จะเป็นผลการทดสอบของ AMD RADEON RX 5700 ล้วนๆ เลยนะครับ ไปชมกันเลยว่าการ์ดตัวนี้ปรับปรุงอะไรมาบ้าง…

AMD RADEON RX 5700 “Navi 10”

     เขากลับมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมใหม่ที่เรียกว่า RDNA และถือว่าผ่านมาถึง 5 เจนแล้วสำหรับเจ้า RADEON ซึ่งก็ได้ทำการปรับปรุงโคตรสร้างด้านใน GPU ใหม่ทั้งหมดต่างไปจาก GCN รุ่นเก่าแบบยกเครื่องใหม่เลยก็ว่าได้ครับ โดยหลักๆ เลยก็คือ GPU Navi 10 รุ่นนี้จะผลิตที่กระบวนการที่เล็กลง เหลือเพียง 7nm. เท่านั้นเอง และก็เริ่มขยับมาใช้แรม GDDR6 ขนาดความจุ 8GB และเชื่อมต่อผ่าน Interface PCIe4.0 เป็นตัวแรกของโลกอีกด้วย จัดว่าเทคโนโลยีล้ำอนาคตไปกันเลยทีเดียว หุหุ…

 

     รายละเอียดทางเทคนิคคร่าวๆ ของเข้า AMD RADEON RX 5700 ตัวนี้จะมีจำนวนชุด Compute Units ทั้งหมด 36 ชุด และจำนวนของ Stream Processors ทั้งหมดจะมีอยู่ 2304 ตัวด้วยกัน ส่วนแรมนั้นขยับมาใช้ GDDR6 ขนาด 8GB โดยเป็นแรม 256-bit ความเร็วในการทำงานอยู่ที่ 1,750Mhz (14,000Mhz GDDR6) และในส่วนของความเร็วในการทำงานของ GPU นั้นจะแบ่งเป็นการทำงานที่ 3 ระดับ กล่าวคือ Boost Clock 1725Mhz, Game Clock 1625Mhz และ Base Clock จริงๆ 1465Mhz คือไม่ว่าจะทำงานหนัก หรือร้อนแค่ไหน ก็คงไม่ทำงานต่ำไปว่าความเร็ว Base ที่ 1465Mhz ครับ ส่วน API พื้นฐานที่รองรับหลักๆ ก็คือ DirextX 12, OpenCL และ Vulcan

 

     เทียบให้ชมกันสำหรับรุ่นใหญ่ AMD RADEON RX 5700 XT และ RX 5700 โดยทั้งสองรุ่นนี้จะต่างกันที่จำนวน Stream Processors ด้วยครับ คือตัว RX 570 XT จะมีทั้งหมด 2560 Units (40 Compute Units) และการทำงานของ Base Clock/Game Clock/Boost Clock @1605/1755/1905Mhz และแรมจะทำงานเท่ากันที่ 1750Mhz (GDDR6 14Gbps) ขนาดความจุ 8GB/256-bit  และในส่วนของชุด Texture Units นั้นก็จะต่างกันด้วยเช่นกัน โดยเจ้า RX 5700 XT จะอยู่ที่ 160 ชุด ส่วนในรุ่น RX 5700 จะมีอยู่ที่ 144 ชุดครับ

 

 

      เทียบรุ่นกันกับ Vega64 GPU รุ่นเดิม เราจะเห็นได้ว่าเจ้า Navi GPU นั้นจะให้ประสิทธิภาพ Performance/Watt หรืออัตราการใช้พลังงานต่อประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิมถึง 1.5x เท่าตัวกันเลยทีเดียว โดยจะแรงขึ้นประมาณ +14% และกินไฟลดลง -23% เมื่อเทียบกับของเดิม และยังใช้พื้นที่ในการออกแบบตัว GPU ที่เล็กลงมากอีกด้วยครับ เพราะมันถูกผลิตด้วยกระบนการ 7nm. เท่านั้นเอง

 

     และสำหรับในอนาคตอันใกล้นี้ AMD ก็เตรียมพร้อมที่จะปล่อยกราฟิกการ์ดรุ่นใหญ่กว่าเดิมในโครงสร้าง RDNA 2 ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 7nm.+ โดยค่าว่าน่าจะเสร็จในช่วงปี 2020-2021 ที่จะถึงนี้ครับ (เพราะ RX 5700 Series นั้นยังไม่ใช่ตัวแรงสุดในสายพันธุ์ของตระกูล Navi ) ส่วนในเรื่องของ Raytracing นั้นยังไม่มีการพูดถึงแต่อย่างใด… คาดว่าน่าจะมีใช้งานการ์ดเจนหรือ หรือรอความพร้อมอะไรบางอย่างก็เป็นได้ ^^”

 

      AMD FidelityFX  เทคโนโลยีใหม่ ที่ช่วยให้ภาพในเกม 3D ที่สวยงามลบคมและเหลี่ยมออกไปได้แบบหมดจดที่เรียกว่า Contrast Adaptive Sharpening (CAS) และนอกจากนี้ยังช่วยให้นักพัฒนาเกมเอาไปพัฒนาเกมให้มีภาพดูมีรายละเอียดที่แน่นขึ้น โดยไม่กินทรัพยากรเครื่องมากนัก หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งเลยก็จะไม่หนักไปทาง Hardware แต่จะเอื้อไปทาง Engine ของนักพัฒนาเกมเสียมากกว่า โดยทาง AMD ได้ทำเป็นแบบ Open Source Impage Quality Toolkit ดังนั้นสาย dev. เกมน่าจะชิวมากขึ้นครับ ^^”

 

สำหรับเจ้า RX 5700 นั้นถูกส่งออกมาลุยตลาดเกมระดับกลาง-บน ที่ขนาดความละเอียด 1440p นั้นทาง AMD ได้ส่งเจ้า RX 5700 ลงไปสู้กับ RTX 2060 ซึ่งพบว่าให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ดีกว่าแบบชัดเจนครับ

 

     และสำหรับ RADEON Media Engine นั้นก็เป็นอีกหนึ่งความหวังของเหล่า Streamer ด้วยขุมพลังใหม่ที่สามารถ Decode H.264 ได้ถึงระดับ 4K150/8K30 กันเลยทีเดียวนะเออ… ส่วนทางด้าน Encode ก็สามารถใช้เป็นตัวปล่อย 4K90 ได้เลยนะครับ หุหุ… จะโหดไปไหน ส่วนทางด้าน H.265 ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ทางด้าน Decode ทำได้ 4K60 และทางด้าน  Encode ก็สามารถทำได้ที่ 4K90 กันเลยทีเดียว… ส่วน VP9 ยอดฮิตสำหรับการปล่อยใน Youtube ก็สามารถปล่อยได้ถึง 4K60 กันเลยทีเดียวครับ ^^”

 

รายละเอียดของการ Streaming ที่รองรับ HDR/WCG (HEVC) ยกระดับคุณภาพได้ถึง 8K (HEVC/VP) โดยทาง AMD กล่าวว่าได้เพิ่มประสิทธิภาพในการ Encoder ที่เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 40% กันเลยทีเดียว

 

     ส่วนทางด้าน Display Engine นั้นก็ยังคงรองรับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง Freesync 2 HDR, HDMI 2.0b & Display Port 1.4HDR, Dolby Vision HDR10, Display Stream Compression 1.2a หรือที่เรียกว่า DSC เทคโนโลยี จุดเด่นของมันเลยก็คือ ถ้าต่อใช้งานร่วมกับ Monitor ที่รองรับด้วยแล้ว จะสามารถต่อสาย DP1.4 แบบ DSC ได้เพียงสาย 1 เส้นพร้อมกับคุณภาพในระดับ 4K 144Hz กันเลยทีเดียว ซึ่งปกติแล้วจอทั่วไปจะต้องใช้ DP 1.4 ถึง 2 เส้นครับ โดยทาง AMD เคลมว่าคุณภาพที่บีบอัดในสาย DP1.4 เพียงเส้นเดียวด้วย DSC นั้นจะยังคงให้คุณภาพที่ดีเหมือนเดิมครับ และในสตอนนี้จอภาพ Monitor ที่รองรับตัวแรกของโลกน่าจะเป็น Gaming Monitor จากค่าย ROG ที่ออกมารองรับเทคโนโลยี DSC แล้วเป็นที่เรียกร้อย… โดยเขาบอกว่าเป็นตัวแรกของโลกด้วยครับ ^^”

 

เอาล่ะครับและทั้งหมดนี้ก็คือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทาง AMD ได้ใส่ลงไปในตัว RADEON RX 5700 หากพร้อมกันแล้ว เราก็ไปยลโฉมตัวกราฟิกการ์ดรุ่นนี้กันเลยดีกว่าครับ ^^”

 

นี่คือตัวกราฟิกการ์ด AMD RADEON RX 5700 ที่อยู่ภายในกล่องครับ ซึ่งชุดนี้จะเป็นกล่องจากทาง AMD ที่ส่งมาให้ทดสอบ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าของขายจริงกล่องจะเป็นอย่างไรนะ…