รีวิวกราฟิกการ์ด ROG STRIX GTX1650 OC 4GB

     สวัสดีครับ วันนี้เรามาต่อกันเลยกับเรื่องราวของกราฟิกการ์ดจากค่าย ASUS รุ่นเล็กอีกรุ่นหนึ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหากราฟิกการ์ดระดับล่างคุณภาพดีๆ ที่มาพร้อมกับชุดระบายความร้อนคุณภาพสูงไว้ครอบครองสักหนึ่งใบ… วันนี้ลองมาพิจารณาดู ROG STRIX GTX 1650 OC 4GB GDDR5 ตัวนี้ดูกันครับ… รับรองได้ว่าได้เรื่องความเย็นและอัตราการใช้พลังงานที่คุ้มค่ากับประสิทธิภาพที่มันทำงานทางด้าน 3D Gaming นั้นการ์ดรุ่นนี้ทำได้ดีมากอย่างแน่นอน ไปชมรายละเอียดของการ์ดรุ่นนี้พร้อมๆ กันเลยครับ ^^”

DirectCU II with Direct-Contact Heatpipe

เรื่องของประสิทธิภาพการระบายความร้อนของ Heatsink จากค่าย ASUS นั้นเรามักจะได้ยินติดหูกันมานานมากกับเทคโนโลยี DirectCU II ซึ่งจะเป็นการออกแบบให้ตัว Heatpipe นำความร้อนนั้นสัมผัสกับตัว Core ของ GPU โดยตรง จึงทำให้ประสิทธิภาพการนำความร้อนของ Heatsink นั้นสมบูรณ์มากเป็นพิเศษครับ

 

AURA Sync Support

     ถึงจะเป็น STRIX รุ่นเล็กๆ แต่ก็ยังมีไฟ ROG Logo ที่สามารถแสดงผลแบบ RGB LED ได้อีกด้วย แถมสั่งสามารถสั่งการทำงาน AURA Sync ร่วมกับ Hardware อื่นๆ ที่รองรับได้ด้วยเช่นกัน   และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของการ์ดรุ่นใหม่ๆ นั้นทาง ASUS จะทำปุ่ม Switch LED ON/OFF ไว้ให้ด้านหลังการ์ดเลย ดังนั้นถ้าหากผู้ใช้ต้องการปิดแสง LED ก็สามารถสั่งกด เปิด/ปิดได้ตามต้องการครับ ^^”

 

     และสำหรับเจ้าการ์ด ROG STRIX GTX1650 OC 4GB GDDR5 ตัวนี้ก็จะออกแบบมาสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่มีงบประมาณจำกัด แต่อยากเล่นเกมในความละเอียด 1080p ด้วยความละเอียด Quality ภายในเกมที่ไม่ได้หนักมาก เช่น 1080p + Very Low หรือ Medium เน้นความไหลลื่นของภาพ… ไม่ได้ต้องการเสพภาพกราฟิกสวยงามมากนัก… ผมมองว่า GTX 1650 นั้นเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีรุ่นหนึ่งครับ  และสำหรับ GTX1650 นั้นจะพกเอาจำนวนของ CUDA Core มาทั้งหมด 896 ตัวและมีความเร็วในการทำงานอยู่ที่ GPU/Boost @ 1485/1830Mhz (Gaming Mode) และทำงานร่วมกับแรม GDDR5 ขนาดความจุ 4GB แบบ 128-Bit ความเร็วในการทำงานอยู่ที่ GDDR5 8,000Mhz  ส่วนเรื่องการออกแบบของการใช้พลังงานบนตัวการ์ดรุ่นนี้จะอยู่ที่ TDP 75Watt เท่านั้นเอง และทาง NVIDIA บอกไว้ว่าต้องการใช้ PSU ระดับ 300Watt แท้เป็นขั้นต่ำก็เพียงพอแล้วสำหรับกราฟิกการ์ดรุ่นนี้…

Engine Clock

  • OC Mode – GPU Boost Clock : 1860 MHz , GPU Base Clock : 1515 MHz
  • Gaming Mode (Default) – GPU Boost Clock : 1830 MHz , GPU Base Clock : 1485 MHz

NVIDIA Reference Spec.

     ส่วนในเรื่องของสถาปัตยกรรมนั้นเจ้าการ์ด Geforce GTX 1650 นั้นก็คือ GPU ในตระกูล Turing GPU รหัส “TU117” ผลิตที่กระบวนการ 12nm. โดยเป็น Turing รุ่นที่ตัด Ray Tracing ทาง Hardware ออกไปเช่นเดียวกับในตระกูล GTX 1660 Series (แต่ยังคงใช้งาน Ray Tracing Software ได้อยู่นะครับ) เพื่อลดต้นทุนในการผลิตเพื่อจะได้ลุยตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลาง และล่างได้แบบจัดเต็มนั่นเอง ส่วนในเรื่องของ API ที่รองรับนั้นก็ยังคงเป็น DirectX12 และ OpenCL 4.6

 

ถึงจะเป็นน้องเล็กสุดท้องของตระกูล GTX 16 Series แต่ทาง ASUS STRIX ก็ยังมีการติดตั้ง Back Plate มาให้แบบเต็มด้านหลังการ์ดเลยนะครับ จัดว่าไม่ธรรมดาจริงๆ…

บริเวณสันการ์ดมีการติดตั้งคานเสริมความแข็งแรงเพื่อป้องกันการ์ดบิดงาน เมื่อใช้งานไปนานๆ ครับ ดังนั้นไม่ต้องกังวนว่าการ์ดที่มี Heatsink ขนาดใหญ่ จะทำให้การ์ดบิดงอง่ายๆ อีกต่อไป ^^”

 

ปุ่ม LED ON/OFF สำหรับเปิด/ปิดไฟ LED ได้ตามความต้องการของผู้ใช้ครับ  ไม่จำเป็นต้องลง Software เพื่อสั่งปิด/ปิดการทำงานอีกต่อไป….

 

การ์ดรุ่นนี้ต้องการไฟเลี้ยงเสริมสำหรับ GPU แบบ 12V 6-Pin จำนวน 1 ชุดครับ (TDP 75Watt)

 

ดูกันใกล้ๆ อีกหนึ่งภาพสำหรับตัวคานดามการ์ดด้านข้างที่มีการ Screen Geforce GTX ด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ด้านข้าง

บริเวณจุดแสดงผลของไฟ RGB ที่ตำแหน่งของ ROG Logo ครับ ผู้ใช้สามารถสั่งเปลี่ยนไฟ RGB ได้ด้วยโปรแกรม ASUS AURA Sync หรือ Lighting Software นั่นเอง

 

ความหนาของตัวการ์ดนั้นใช้พื้นที่เพียง 2 Slot PCI เท่านั้น

 

ASUS FanConnect II

     นอกจากนี้ตัวกราฟิกการ์ดของ ASUS ยังออกแบบให้มีจุดต่อพัดลม 4-Pin PWM ให้อีก 1 จุด ซึ่งหลายท่านอาจจะสงสัยว่าใส่มาเพื่ออะไร ?  ซึ่งการออกแบบของ ASUS นั้นตั้งใจให้พัดลมที่ต่อเข้ากับตัวกราฟิกกาณืดนี้ ทำงานให้สอดคล้องกับความร้อนของกราฟิกการ์ดนั่นเอง เช่นการติดตั้งพัดลมดูดอากาศออกไว้ใกล้ๆ กับตัวการ์ด ดังนั้นเมื่อตัวการ์ดร้อนหรือทำงานหนักๆ พัดลมในจุดดังกล่าว ก็จะทำงานแรงขึ้นเพื่อที่จะได้นำลมร้อนออกจากตัว Case ได้ทันนั่นเอง ซึ่งพัดลมที่ต่อจุดนี้จะสัมพันธ์กับการทำงานของกราฟิกการ์ดนั่นเอง…

 

กราฟิกการ์ดรุ่นนี้เชื่อมต่อผ่านทาง Interface PCIe3.0 x16

 

บริเวณช่องต่อ Display Output นั้นจะประกอบไปด้วย HDMI 2.0b จำนวน 2 ช่องและ DisplayPort 1.4 จำนวน 2 ช่องครับ

Display Output :

  • HDMI Output : Yes x 2 (Native) (HDMI 2.0b)
  • Display Port : Yes x 2 (Native) (DisplayPort 1.4)
  • HDCP Support : Yes (2.2)
  • Digital Max Resolution:7680×4320

 

อุปกรณ์ต่างๆ ที่แถมมากับตัวกราฟิกการ์ดครับ

Accessories :

  • 1 x ROG Velcro Hook & Loop
  • 1 x CD
  • 1 x Quick Guide

 

ภาพบรรยากาศในการทดสอบครั้งนี้ครับ โดยเราก็จะทดสอบในห้องแอร์อุณหภูมิ 24-25cc ตลอดการทดสอบ บนชุด VGA Base test เดิมของเรา

 

System Spec.
 CPU
 Intel Core i7-8086K @5.0Ghz/4.8Ghz (Coffee Lake 14nm.)
 CPU Cooler  Tt Water3.0 360 ARGB Sync
 Thermal Compound  Kingpin Cooling KPx
 Motherboard
 ASUS ROG MAXIMUS X APEX ( Z370)
 Memory
 T-FORCE Xcalibur RGB DDR4-3600Mhz CL18 16GB-Kit By XMP
 VGA  ASUS ROG STRIX GTX1650 OC 4GB GDDR5
 Hard Drive
 -XPG GAMMIX S11 M.2 PCIe3.0 x4 NVMe SSD 480GB (OS) x1
 -WD Blue 1TB HDD (Game Drive) x1
 PSU  Thermaltake iRGB PLUS 1200 Watt
 OS  Windows 10 Pro 64-Bit (1903) Last Update

 

System Config

รายละเอียดของชุดทดสอบในครั้งนี้ครับ

 

VGA Temperature & Power Consumption.

มาดูเรื่องของการทดสอบอุณหภูมิความร้อนของตัวการ์ดและอัตราการใช้พลังงานกันก่อนเลยนะครับ โดยเรื่องคงามร้อนของตัวการ์ดในช่วง Burn-In นั้นช่วง Idle อยู่ที่ 35c และอุณหภูมิช่วง Full Laod อยู่ที่เพียง 66c เท่านั้นเอง ซึ่งถือวาเย็นสบายมากๆ  และในช่วงที่การืดไม่ได้ร้อนมาก พัดลมก็สามารถหยุดหมุนเองเพื่อลดเสียงรบกวนได้แบบ 0dBA

 

GPU : Idle

 

GPU : Full Load

อุณหภูมิในการทำงานของตัวการ์ดนั้นจัดว่าเย็นอยู่ในระดับต้นๆ ของตารางเลยก็ว่าได้ครับ ^^”

 


Power Consumption.

: Idle

 

: Full Load

เรื่องอัตราการใช้พลังงานนี่ยิ่งดูดีเข้าไปมากเลยทีเดียว เพราะกินไฟต่ำมากๆ เพียง 72Watt ในช่วง Idle และช่วง Full Load อยู่ที่เพียง 180Watt เท่านั้นเองครับ หุหุ…

 

Benchmark

ผลการทดสอบจาก 3DMARK Series ต่างๆ ครับลองพิจารณาดูกันได้เลย ^^”

 

3DMARK Night Raid

 

3DMARK Fire Strike

 

3DMARK Time Spy

 

3DMARK Time Spy Extreme

 

3D Gaming Performance

     มาถึงช่วงการทดสอบเล่นเกมและตัว Benchmark กันต่อเลยครับ จากที่ผมลองเล่นๆ ดูนั้นก็พบว่าการืดรุ่นนี้ก็ยังพอที่จะเล่นเกมในระดับ 1080p ที่ปรับความละเอียดสุดเช่น Very High / Ultra Preset ในหลายๆ เกมด้วยค่าเฉลี่ยของเฟรมเรทในระดับ 30-79fps เฉลี่ยในหลายๆ เกมได้อยู่นะครับ  ซึ่งถ้าเกมไหนที่ใช้ VRAM เยอะๆ หน่อย ตัวการ์ดก็จะมี fps ที่ค่อนข้างต่ำครับ แนะนำว่าให้ปรับรายละเอียดของเกมลงเหลือในระดับ Medium หรือเท่าที่ตัวแนะนำก็สามารถเล่นเกม 1080p ได้ไหลลื่นในระดับ 45-80fps.+++ ได้แบบไม่ยากเลยครับ  หรือจะปรับแต่งตาม Geforce Experience แนะนำไว้ในแต่ละเกมก็จะยิ่งสะดวกขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเลยล่ะครับ ^^”   ส่วนเรื่องประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นมาจาก GTX 1050 Ti รุ่นเดิมนั้นผมเทียบดูแล้ว GTX 1650 นั้นจะเล่นเกมได้ดีกว่าถึง 5-15fps เฉลี่ยในหลายๆ เกมทดสอบเลยนะครับ ดังนั้นใครที่กำลังจะ Upgrade จาก GTX 1050 หรือ GTX 1050 ti ผมมองว่า ok เลนะครับ แรงคุ้มค่าต่อการ Upgrade แน่นอน…

 

Battlefield 1

 

Battlefield V

 

Crysis 3

 

DEUS EX

 

The Division Benchmark

 

The Division 2 Benchmark

 

Ghost Recon Wildlands Benchmark

 

Far Cry 5 Benchmark

 

Rise of the Tomb Raider Benchmark

 

Shadow of the Tomb Raider Benchmark

 

Conclusion.

     เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับการรีวิวแนะนำกราฟิกการ์ดรุ่นเล็กจากทางค่าย ASUS ROG STRIX GTX1650 4GB GDDR5 ตัวนี้ที่มีราคาค่าตัวประมาณ 5,xxx.- บาทเท่านั้นเองกับความสามารถในการเล่นเกม 1080p ที่ปรับรายละเอียดในระดับ Very High ถึงระดับ Ultra Setting ได้ที่เฟรมเรทเฉลี่ย 30-79fps ได้ในหลายๆ เกมทดสอบ โดยถ้าเกมไหนที่ไม่ได้ VRAM เกิน 4GB ผมมองว่าตัวการ์ดรุ่นนี้ยังคงสามารถที่จะสร้างเฟรมเรทเฉลี่ยในเกมได้ถึง 45-55fps. เฉลี่ยได้เลยนะครับ และถ้าต้องการความไหลลื่นยิ่งกว่านี้ ก็ลองปรับความละเอียดภายในเกมลงเหลือเพียงระดับกลางหรือ Medium ก็สามารถเห็นเฟรมเรทเฉลี่ยได้เกินระดับ 55-65fps+ ได้ไม่ยากเลยครับ (ขึ้นอยู่กับ Engine เกมที่เล่นด้วย)

     ส่วนจุดเด่นอื่นๆ นั้นก็ดูเหมือนว่าหน้าตาของการ์ดและและคุณภาพของชุดระบายความร้อน DirectCU II นั้นยังคงมีประสิทธิภาพที่สูงมาก ซึ่งช่วงเล่นเกมและทดสอบต่างๆ นั้นมีอุณหภูมิไม่เกินระดับ 60-66c ในการทดสอบของเราในห้องแอร์ 24-25c เลยนะครับ ถือว่าเย็นมากๆ เลยทีเดียว ดังนั้นเรื่องของการระบายความร้อนผมมองว่าการ์ดรุ่นนี้ ไม่มีอะไรที่ต้องหน้าห่วง… รวมถึงเสียงรบกวนในการทำงานจากตัวพัดลมนั้นก็ต้องบอกเลยว่าเงียบมากจริงๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย…  ส่วนไฟ RGB นั้นก็ยังสามารถที่จะสั่ง AURA Sync และสามารถสั่งเปิด/ปิดไฟ RGB LED ได้ด้วยปุ่ม LED Switch ที่มาให้ด้านหลังการ์ดได้อย่างสะดวกอีกด้วย

     สุดท้ายนี้ก็ขอฝาก ROG STRIX GTX1650 OC 4GB GDDR5 รุ่นนี้ไว้พิจารณาสำหรับเกมเมอร์ที่กำลังมองหากราฟิดการ์ดระดับล่างประสิทธิภาพดีในงบประมาณ 5,xxx.- บาท รุ่นนี้ดูกันด้วยนะครับ… พบกันใหม่รีวิวฉบับหน้า สวัสดีครับ ^^”

 

 

Special Thanks

Power By Clock’Em UP Team