รีวิว HyperX Pulsefire DART Wireless Gaming Mouse และ ChargePlay Base แท่นชาร์จไร้สาย

     HyperX ช่วงนี้ก็จะลุยตลาด Gaming Gear หนักๆ หน่อย ล่าสุดหลังจากที่ผมได้สัมผัสเจ้า Gaming Mouse ในรุ่น Pulsefire RAID ไปแล้วก็ค่อนข้างชอบเลยล่ะครับ เพราะมันก็เป็นเมาส์รุ่นหนึ่งที่ผมชอบเพราะสามารถเล่นเกมในแนวที่ผมถนัดอย่าง Call of Duty Modern Warfare : Multi-Player ได้ค่อนข้างเข้ามือดี เพราะดารออกแบบบของตัวเมาส์รุ่นที่จับง่าย ปรับตัวเข้ากับมันได้ค่อนข้างง่าย พร้อมกับน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาจึงทำให้การควบคุมและสะบัดเมาส์ตอนเล่นเกมทำได้ค่อนข้างดี….

     และมาถึงวันนี้ผมก็ได้รับตัวอย่างรุ่นใหม่ล่าสุดอีกหนึ่งรุ่นคือ HyperX ในรุ่น Pulsefire DART ที่เป็นแบบ Wireless Gaming Mouse 2.4Ghz ไร้สาย ที่เลือกใช้ PIXART 3389 Sensor 1600 DPI | 450 IPS | 50G ส่วนตัว Switch นั้นขยับมาใช้ตัว Omron 50 ล้านคลิ๊ก ซึ่งในรุ่น Pulsefire RAID นั้นจะเป็น Omron 20 ล้านคลิ๊ก และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตัวแท่นชาร์จไร้สาย HyperX ChargePlay BASE สำหรับเอาไว้ชาร์จแบบไร้สายกับตัวเมาส์ Pulsefire DART ได้อีกด้วย… จัดว่าอำนวยความสะดวกได้ครบครันจริงๆ งานนี้ ^O^

 

HYPERX PULSEFIRE DART Wireless Gaming Mouse

มาดูรายละเอียดของตัวเมาส์ HyperX PulseFire DART Wireless Gaming Mouse ตัวนี้กันก่อนเลยครับ โดยเมาส์รุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับใช้เล่นเกมแบบไร้สายโดยเฉพาะ โดยจะเชื่อมต่อผ่านทางสัญญาณ Wireless 2.4Ghz พร้อมกับการรองรับการชาร์จแบบไร้สาย โดยฝังตัว Wireless Adapter ไว้ภายในตัว ส่วนตัวแบตเตอรี่นั้นเป็นชนิด Li-Polymer 800mAh 3.7V

 

ชาร์จแบบเต็มๆ รอบหนึ่งเขาบอกว่าเล่นเกมได้ประมาณ 50 ชั่วโมงเลยนะเออ… หรือประมาณ 2 วันครับ

 

เลือกใช้ Pixart 3389 Sensor ระดับเทพที่ Gaming Mouse ระดับ Hi-END นิยมใช้กัน

 

Specification

Sensor Pixart PMW3389
Resolution Up to 16000 DPI
DPI Presets 800 / 1600 / 3200 DPI
Speed 450ips
Acceleration 50G
Buttons 6
Left / Right buttons switches Omron
Left / Right buttons durability 50 million clicks
Light effects Per-LED RGB lighting3
Onboard memory 1 profile
Connection type 2.4GHz wireless / wired
Battery life4 90 hours – LED off
50 hours – Default LED Lighting
Charging type Wireless Qi charging1 / wired
Polling rate 1000Hz
Cable type Detachable charging/data cable
Weight (without cable) 110g
Weight (with cable) 150g
Dimensions Length: 124.8mm
Height: 43.6mm
Width: 73.9mm
Cable length: 1.8m

รายละเอียดทางด้านเทคนิคเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในตระกูล Pulsefire Series ของ HyperX ครับ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในรุ่น DART นั้นจะเป็นเพียงรุ่นเดียว ที่เป็นแบบ Wireless Gaming Mouse

 

Bundle

อุปกรณ์ต่างๆ ที่แถมมาในกล่องนั้นก็จะประกอบไปด้วยตัวเมาส์และสาย USB Type-A to Type-C ต่อเข้ากับตัวเมาส์/ตัวรับสัญญาณ Wireless และแผ่นคู่มือของตัวเมาส์

 

ตัวเมาส์รุ่นนี้ออกแบบมาให้มีปุ่มกดทั้งหมดอยู่ที่ 6 ปุ่มเท่านั้น โดยตัว Body จะเป็นสีดำด้านทั้งตัว

 

     ตัวกริปยางด้านข้างนั้นค่อนข้างนุ่ม หนา และติดนิ้วดีกว่าในรุ่น Pulsefire RAID อยู่พอสมควร แต่สำหรับทรงเมาส์ในรุ่น Pulsefire DART นั้นจะดูใหญ่และอ้วนกว่าบริเวณด้านท้ายอุ้งมือครับ โดยรุ่นนี้เป็นเม้าสำหรับคนจับด้วยมือขวานะครับ   ส่วนปุ่มด้านข้างนี้ก็ปกติตั้งมาให้คือเป็น Backward / forward โดยสามารถตั้งเป็นปุ่มอื่นๆ ได้ผ่านทาง Software HyperX NGENUTY

 

กริปยางอีกด้านหนึ่งครับก็ค่อนข้างมีความหนาและนุ่มติดนิ้วดีเช่นเดียวกัน…

 

บริเวณด้านท้ายเมาส์มี Logo HyperX แสดงไฟ RGB ได้

 

และบริเวณปุ่ม Scroll Wheel ก็มีไฟ RGB ด้วยเช่นกัน

 

บริเวณจุดเสียบสาย USB Type-C ครับ โดยสามารถน้ำสาย USB มาเสียบเพื่อใช้งาน + ชาร์จไปในตัวได้ครับ

 

ด้านล่างของตัวเมาส์นั้นก็จะเป็นตำแหน่งของจุด Sensor | Switch เปิด/ปิด Wireless และจุดบอกตำแหน่งของตัวรับ Wireless Charging

 

 

ตัวอย่างการต่อใช้งานด้วยสาย USB Type-C ครับ

 

และในกรณีที่ต้องการต่อใช้งานแบบไร้สาย ก็ให้นำตัวรับสัญญาณ Wireless 2.4Ghz มาต่อดังภาพ

 

ลักษณะการต่อใช้งานก็จะออกแบบตามภาพเลยครับ โดยเราเพียงแค่ต่อสายอีกด้านเข้ากับช่องเสียบ USB เานหลังของเมนบอร์ด และวางตัวรับ Wireless ไว้ใกล้ๆ ตัวเมาส์ก็สามารถใช้งานได้แล้ว…

 

HYPERX CHARGEPLAY BASE

เอาล่ะครับมาดูตัวแท่นชาร์จไร้สายในรุ่น HyperX Chargeplay BASE ก่อนต่อครับ โดยรุ่นนี้ผ่านการรองรับ QI Certified Wireless charger เป็นที่เรียบร้อย นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ที่ QI Certified ก็สามารถนำมาต่อชาร์จแบบไร้สายได้ด้วยนั่นเอง อย่างเช่นมือถือ Smart Phone รุ่นที่รองรับได้เป็นต้น…

Feature :

  • Qi Certified wireless charger
  • Individual LED indicators
  • AC wall adapter
  • Compatible with 2 Qi-enabled devices1
  • Part Number: HX-CPBS-A

 

Specification :

Number of devices: 2 Qi-enabled Devices
Qi Output: Up to 15W total1
Indicators: 2 LED indicators
AC adapter: 24W (5V/3A; 9V/2A; 12V/2A)
Cable Type: USB Type-C
Cable Length: 1.8m
Dimension: 215.04mm x 90.91mm x 17.36mm
Weight (without cable): 135g
Total Weight: 254.3g

 

Bundle

อุปกรณ์ต่างๆ ที่มากับตัว HyperX ChargePlay Base ครับ ก็จะประกอบไปด้วยตัวแท่นชาร์จ สาย USB Type-A to Type-C ความยาว 1.8 เมตร เอาไว้ต่อกับ Wall Charger AC Adapter 24Watt | AC 100-240Volt | 50-60Hz | 0.8A MAX

 

การออกแบบของตัวแท่นชาร์จตัวนี้ก็จะออกแนวล้ำๆ เป็นทรงแบนๆ สามารถรับการชาร์จไร้สายได้ถึง 2 Device สูงสุด โดยกาารต่อใช้งานนั้นก็เพียงเอาสาย USB Type-C มาเสียบตรงบริเวณสัญลักษณ์ QI

 

ส่วนอีกด้านจะเป็นสัญญลักษณ์ของ HyperX และบริเวรแถบตรงกลางทั้ง 2 ด้านจะมีไฟ LED สีแดงส่วงออกมาเมื่อมีอุปกรณ์วางอยู่บริเวณจุดชาร์จ

 

ตัวอย่างการต่อใช้งานก็ง่ายๆ เลยครับ คือเอาด้านที่เป็นสาย USB Type-C เสียบเข้าที่ตัวแท่นชาร์จ และอีกด้านที่เป็น Type-A ให้เสียบเข้ากับ AC Adapter ครับ

 

การชาร์จนั้นต้องนำตัวเมาส์ไปวางให้ตรงกับต่ำแหน่ง เส้นปะวงกลม โดยให้เน้นที่ตัวจุดรับการชาร์จของตัวเมาส์ที่ได้วงกลมเอาไว้  วางให้ตรงกัน มิฉะนั้นจะชาร์จไม่ติดครับ….

 

 

ดังนั้นการวางตำแหน่งที่ถูกต้อง คือตัวเมาส์จะเหลื่อมๆ ไปทางด้านหน้าตามภาพเลยครับ

 

 

ผมได้ทดลองเอา Samsung Galaxy S8+ ต่อชาร์จดู ก็สามารถใช้งานได้เช่นกันครับ แต่ก็ต้องวางให้ตรงจุดด้วย…

 

Test and Software

      ทดสอบต่อใช้งานดูกันครับ เริ่มจากอย่างแรกเลยก็คือผมลองชาร์จเล่นดูก่อนเป็นอันดับแรกว่าทำงานอย่างไร….. ใส่กับอะไรได้บ้าง  เริ่มจากของตัวเมาส์เองนั้นไม่มีปัญหาอะไร คือถ้าวางตรงตามแหน่งได้ มันก็จะขึ้นไฟ LED สีแดงที่แท่นชาร์จ และตัวไฟ LED บนตัวเมาส์จะขึ้นเป็นสีขาว นั่นแสดงว่ากำลังชาร์จอยู่ และหากเต็มไฟจะดับลงทั้งบริเวณตัวแท่นชาร์จและตัวเมาส์  ส่วนตัวมือถือ Samsung S8+ ของผมก็สามารถชาร์จได้ด้วยเช่นกันครับ

การใช้งานของตัวเมาส์ในเรื่องของการชาร์จแต่ละครั้ง ผมลองแล้วก็พบว่าใช้งานบ่อยๆ 2 วันแบบไม่ชาร์จก็อยู่ได้จริงๆ ครับ เพราะบางทีลืมเก็บเข้าแท่นชาร์จบ้างไรบ้าง ก็ยังใช้งานได้เกือบ 3 วัน เพราะผมก็ไม่ได้ใช้ตลอด และมันก็มีโหมด Power Saving ของตัวมันเองด้วย

 

     ส่วนเรื่องอารมณ์ตอนใช้เมาส์ตัวนี้เล่ยเกมประจำที่ผมถนัดอย่าง Call of Duty Modern Warfare นั้นก็บอกได้เลยว่าช่วงแรกๆ ผมก็ปรับตัวเข้ากับมันค่อนข้างยากนิดหน่อย 2-3 วันกว่าจะชิน เพราะด้วยบริเวณด้านท้ายของเมาส์นั้นออกแบบมาค่อนข้างใหญ่ จากไปจากทรงของรุ่น Pulsefire RAID พอสมควร และรวมถึงน้ำหนักที่มากถึง 110g เลยทำให้ผมต้องปรับน้ำหนักมือใหม่อีก  เพราะก่อนหน้านี้ใช้รุ่นน้ำหนักเบามาก่อน 50g เอง เหมาะกับการออกแบบเมาส์เล่นเกมในยุคนี้มากกว่า ที่เน้นเบา…. ดังนั้นใครที่ไม่ใช้เมาส์หนัก… 110g นั้นอาจจะไม่ตอบโจทย์  ส่วนตัวผมเองแล้วก็ใช้อยู่นานกว่าจะชิน  ดังนั้นคนมือเล็กๆ น่าจะไม่ชอบอย่างแน่นอน บอกไว้ก่อน ฮ่าๆ…. ^^”

     เรื่องของความไวสัญญาณนั้นก็รวดเร็วใช้ได้เลยนะครับ เห็นเขาบอกว่าอยู่ที่ประมาณ 1ms เท่านั้นเอง ก็ไวพอๆ จะเทียบกับสายได้ แต่ก็มีบางจำหวังที่ดูเหมือนช้าไปนิดๆ ซึ่งผมรู้สึกได้ครับ… แต่ก็ไม่ได้แย่จนถึงต้องกังวลอะไร   ส่วนเมื่อเทียบกับพวก Hyperspeed Wireless ไวกว่าจริงๆ   ส่วนความแม่นยำของ Sensor นั้นผมเล่นแถวๆ 800-1600DPI กับเกมนี้ก็พอรับได้ครับ เล่นได้ดีอยู่ ค่อนข้างแม่นดีระดับหนึ่งครับ ใช้ได้ๆ ถึงจะไม่ได้หวือหวาอะไร แต่ก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียว…. จัดว่าเป็นอีหนึ่งเมาส์ไร้สายที่น่าสนใจสำหรับเหล่าเกมเมอร์ครับ   สุดถ้ายปุ่มกดของ Omron 50 ล้านคลิ๊กนั้นตอนกดก็ไม่ได้แข็งจนเกินไป ออกแนวแน่นๆ ดี… โดยไม่แข็งจนเกินไปครับ…  ส่วนที่ชอบจริงๆ ก็คือกริปยางด้านข้างนั้นติดมือดีจริงครับ และนุ่มมากด้วย ^^”

 


HyperX NGenuity

ตัวโปรแกรม NGenuity นั้นยังจัดว่าเป็นตัว Beta อยู่นะครับ สามารถโหลดได้จาก Microsoft Store ได้เลย หน้าตาของ UI ก็จะเป็นอย่างที่เห็นครับ เน้นใช้งานง่ายๆ ไม่ซับซ้อนจนเกินไป โดยแถบแรกจะเป็นในส่วนของการปรับแต่งเรื่องสีสัน RGB Color ของตัวเมาส์ว่าต้องการให้ทำงานในโหมดไหน และสีอะไร

 

ส่วนในแถบของ Buttons ก็สามารถเอาไว้ต่างค่าปุ่มต่างๆ ได้ตามความต้องการของเราว่าให้มันทำหน้าที่อะไร รวมถึงการตั้่งค่า Macro ด้วยเช่นกัน

 

ระดับการปรับแต่งของ DPI Setting นั้น เดิมๆ ต่ำสุดมีมาให้ 800 DPI โดยไฟ LED จะแสดงเป็นสีน้ำเงินครับ และระดับที่สองคือ 1600 DPI แสดงเป็นไฟสีเหลือง โดยแต่ละค่า สามารถกดหนด DPI ได้เองทั้งหมด และสามารถเพิ่มระดับความเร็วได้เองอีกหลายอันเลยทีเดียว… โดยต่ำสุดได้ที่ 200 DPI และสูงสุด 16000 DPI

 

มุมขวาบน จะเป็นจุดให้ปรับแต่งค่า Polling Rate ที่มีให้เลือกใช้งาน 4 ระดับได้แก่ 125Hz | 250Hz | 500 Hz | 1000Hz

 

ส่วน Preset ก็สามารถสั่ง Save แยกได้ตามความต้องการของเราเลยเมื่อปรับแต่งค่าต่างๆ เรียบร้อยแล้ว…

 

ในแถบหน้า Setting นั้นสามารถสั่งให้รันต่อ Start Up ได้และเอาไว้เช็ค Update Software / Firmware ของอุปกณ์ได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถสั่งให้ตัว Software คืนค่าเดิมทั้งหมดได้ “Reset to Default” รวมถึงการสั่ง Reset ตัวเมาส์ได้ด้วยเช่นกัน…

 

Conclusion.

     เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับเจ้า HyperX Pulsefire DART Wireless Gaming Mouse + แท่นชาร์จ HyperX ChargePlay Base ชุดนี้ โดยส่วนตัวแล้วก็จัดว่าเป็นเมาส์ไร้สายรุ่นหนึ่ง ที่เอามาเล่นเกมได้ค่อนข้างดี ความไวใช้ได้ครับ แทบไม่ lag เลย แต่ก็มีบางจังหวะบ้าง แต่ไม่เยอะครับ… ส่วนเรื่องน้ำหนักนั้นต้องทำใจเลย ขนาด 110g นี่ถ้าใครที่เล่นเมาส์เบาๆ มาก่อนอาจจะไม่ชอบ หรือต้องปรับตัวสักนิด  วึ่งผมตอนแรกก็ไม่ค่อย OK เลยเพราะที่ผ่านมา ผมเปลี่ยนมาลองเล่นเมาส์ที่มีนำหนักเบาหมดแล้ว จึงต้องปรับตัวใหม่หมดเลย ฮ่าๆ…. ส่วนบริเวณด้านท้ายเมาส์ตรงอุ้มมือ มันไม่ค่อยชอบเท่าไร มันดูเหมือนติดๆโคนน้ำโป้งและอุ้งมือ คือต้องปรับตัวและวางตำแหน่งมือให้เข้ากับทรงเมาส์หน่อยถึง ถึงจะเข้ามือ  อันนี้ก็อาจจะแล้วแต่บุคคล ว่าชอบทรงไหน ต้องหาโอกาสไปลองจับดูว่าเข้ามือไหม ?

     ส่วนตัวแท่นชาร์จ ChargePlay Base นั้นตอนเอาเม้าส์ไปวางนี่ก็มีวืดหลายครั้ง… ต้องเล็งดีๆ ถึงจะยอมชาร์จ ก็ลำบากอยู่นิดๆ ว่าวางตรงไหมอะไรอย่างนั้น ก็ไม่ได้แม่นซะทีเดียว  คือพยายามวางให้ตรงจุด และสงเกตุว่าไฟ LED ขึ้นสีแดงค้างแล้วหรือยัง ถ้ากระพริบๆ อยู่นี่อาจจะหมายความว่า ไม่รองรับอุปกรณ์นั้นๆ หรือไฟจ่ายไม่พอให้กับอุปกรณ์นั้นๆ ก็เป็นได้   ส่วนถ้าวางได้ตรงตำแหน่งไฟของตัวเมาส์จะเป็นไฟสีขาวกระพรอบเป็นจังหวะช้าๆ ครับ ถ้าเต็มแล้วก็จะดับลงทั้งไฟของแท่นชาร์จและตัวเมาส์ โดยให้สังเกตุเพียงแค่นี้…  และการต่อชาร์จกับมือถือ Smart Phone ก็ต้องเล็งให้ดีๆ เช่นกัน ดูสัญญาณไฟ LED ที่แท่นชาร์จ ต้องขึ้นแดงค้าง… และมือถือตอบรับ… ก็เป็นอันเสร็จพิธี….

     เอาล่ะครับใครที่เป็นสาวก HyperX ที่กำลังมองหาเมาส์แบบไร้สาย นำสัญญาณด้วย Wireless 2.4Ghz ที่มาพร้อมกับการรองรับการชาร์จแบบไร้สายผ่านมาตราญาน Qi ได้ก็ลองพิจารณาดูกันได้… สวัสดีครับ ^^”

 

Special Thank

Kingston Thailand