รีวิว HyperX Pulsefire DART Wireless Gaming Mouse และ ChargePlay Base แท่นชาร์จไร้สาย

Test and Software

      ทดสอบต่อใช้งานดูกันครับ เริ่มจากอย่างแรกเลยก็คือผมลองชาร์จเล่นดูก่อนเป็นอันดับแรกว่าทำงานอย่างไร….. ใส่กับอะไรได้บ้าง  เริ่มจากของตัวเมาส์เองนั้นไม่มีปัญหาอะไร คือถ้าวางตรงตามแหน่งได้ มันก็จะขึ้นไฟ LED สีแดงที่แท่นชาร์จ และตัวไฟ LED บนตัวเมาส์จะขึ้นเป็นสีขาว นั่นแสดงว่ากำลังชาร์จอยู่ และหากเต็มไฟจะดับลงทั้งบริเวณตัวแท่นชาร์จและตัวเมาส์  ส่วนตัวมือถือ Samsung S8+ ของผมก็สามารถชาร์จได้ด้วยเช่นกันครับ

การใช้งานของตัวเมาส์ในเรื่องของการชาร์จแต่ละครั้ง ผมลองแล้วก็พบว่าใช้งานบ่อยๆ 2 วันแบบไม่ชาร์จก็อยู่ได้จริงๆ ครับ เพราะบางทีลืมเก็บเข้าแท่นชาร์จบ้างไรบ้าง ก็ยังใช้งานได้เกือบ 3 วัน เพราะผมก็ไม่ได้ใช้ตลอด และมันก็มีโหมด Power Saving ของตัวมันเองด้วย

 

     ส่วนเรื่องอารมณ์ตอนใช้เมาส์ตัวนี้เล่ยเกมประจำที่ผมถนัดอย่าง Call of Duty Modern Warfare นั้นก็บอกได้เลยว่าช่วงแรกๆ ผมก็ปรับตัวเข้ากับมันค่อนข้างยากนิดหน่อย 2-3 วันกว่าจะชิน เพราะด้วยบริเวณด้านท้ายของเมาส์นั้นออกแบบมาค่อนข้างใหญ่ จากไปจากทรงของรุ่น Pulsefire RAID พอสมควร และรวมถึงน้ำหนักที่มากถึง 110g เลยทำให้ผมต้องปรับน้ำหนักมือใหม่อีก  เพราะก่อนหน้านี้ใช้รุ่นน้ำหนักเบามาก่อน 50g เอง เหมาะกับการออกแบบเมาส์เล่นเกมในยุคนี้มากกว่า ที่เน้นเบา…. ดังนั้นใครที่ไม่ใช้เมาส์หนัก… 110g นั้นอาจจะไม่ตอบโจทย์  ส่วนตัวผมเองแล้วก็ใช้อยู่นานกว่าจะชิน  ดังนั้นคนมือเล็กๆ น่าจะไม่ชอบอย่างแน่นอน บอกไว้ก่อน ฮ่าๆ…. ^^”

     เรื่องของความไวสัญญาณนั้นก็รวดเร็วใช้ได้เลยนะครับ เห็นเขาบอกว่าอยู่ที่ประมาณ 1ms เท่านั้นเอง ก็ไวพอๆ จะเทียบกับสายได้ แต่ก็มีบางจำหวังที่ดูเหมือนช้าไปนิดๆ ซึ่งผมรู้สึกได้ครับ… แต่ก็ไม่ได้แย่จนถึงต้องกังวลอะไร   ส่วนเมื่อเทียบกับพวก Hyperspeed Wireless ไวกว่าจริงๆ   ส่วนความแม่นยำของ Sensor นั้นผมเล่นแถวๆ 800-1600DPI กับเกมนี้ก็พอรับได้ครับ เล่นได้ดีอยู่ ค่อนข้างแม่นดีระดับหนึ่งครับ ใช้ได้ๆ ถึงจะไม่ได้หวือหวาอะไร แต่ก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียว…. จัดว่าเป็นอีหนึ่งเมาส์ไร้สายที่น่าสนใจสำหรับเหล่าเกมเมอร์ครับ   สุดถ้ายปุ่มกดของ Omron 50 ล้านคลิ๊กนั้นตอนกดก็ไม่ได้แข็งจนเกินไป ออกแนวแน่นๆ ดี… โดยไม่แข็งจนเกินไปครับ…  ส่วนที่ชอบจริงๆ ก็คือกริปยางด้านข้างนั้นติดมือดีจริงครับ และนุ่มมากด้วย ^^”

 


HyperX NGenuity

ตัวโปรแกรม NGenuity นั้นยังจัดว่าเป็นตัว Beta อยู่นะครับ สามารถโหลดได้จาก Microsoft Store ได้เลย หน้าตาของ UI ก็จะเป็นอย่างที่เห็นครับ เน้นใช้งานง่ายๆ ไม่ซับซ้อนจนเกินไป โดยแถบแรกจะเป็นในส่วนของการปรับแต่งเรื่องสีสัน RGB Color ของตัวเมาส์ว่าต้องการให้ทำงานในโหมดไหน และสีอะไร

 

ส่วนในแถบของ Buttons ก็สามารถเอาไว้ต่างค่าปุ่มต่างๆ ได้ตามความต้องการของเราว่าให้มันทำหน้าที่อะไร รวมถึงการตั้่งค่า Macro ด้วยเช่นกัน

 

ระดับการปรับแต่งของ DPI Setting นั้น เดิมๆ ต่ำสุดมีมาให้ 800 DPI โดยไฟ LED จะแสดงเป็นสีน้ำเงินครับ และระดับที่สองคือ 1600 DPI แสดงเป็นไฟสีเหลือง โดยแต่ละค่า สามารถกดหนด DPI ได้เองทั้งหมด และสามารถเพิ่มระดับความเร็วได้เองอีกหลายอันเลยทีเดียว… โดยต่ำสุดได้ที่ 200 DPI และสูงสุด 16000 DPI

 

มุมขวาบน จะเป็นจุดให้ปรับแต่งค่า Polling Rate ที่มีให้เลือกใช้งาน 4 ระดับได้แก่ 125Hz | 250Hz | 500 Hz | 1000Hz

 

ส่วน Preset ก็สามารถสั่ง Save แยกได้ตามความต้องการของเราเลยเมื่อปรับแต่งค่าต่างๆ เรียบร้อยแล้ว…

 

ในแถบหน้า Setting นั้นสามารถสั่งให้รันต่อ Start Up ได้และเอาไว้เช็ค Update Software / Firmware ของอุปกณ์ได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถสั่งให้ตัว Software คืนค่าเดิมทั้งหมดได้ “Reset to Default” รวมถึงการสั่ง Reset ตัวเมาส์ได้ด้วยเช่นกัน…