รีวิว ASUS Geforce RTX 2070 DUAL OC Edition 8GB GDDR6

     สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Clock’EM UP ทุกท่านกันอีกครั้งครับ วันนี้เราก็มีกราฟิกการ์ดจากค่าย ASUS ในรุ่น Geforce RTX 2070 DUAL 8GB OC Edition GDDR6 มาให้สาวกค่ายเขียวได้พิจารณากันอีกหนึ่งรุ่นโดยรุ่นนี้ทาง ASUS ก็จะเน้นในเรื่องของชุดระบายความร้อนคุณภาพที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ โดยเรียกว่ารุ่น DUAL นั่นเอง โดยรุ่นนี้จะเป็นรุ่นรองลงมากจากรุ่น STRIX Series ดังนั้นราคาย่อมถูกกว่าอย่างแน่นอน ซึ่งราคาขายคร่าวๆ ของ ASUS RTX 2070 DUAL OC 8GB ตัวนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20,000.- บาทเท่านั้น  และก่อนที่เราจะไปชมรายละเอียดของรีวิวการ์ดรุ่นนี้เราก็มาชม Feature พิเศษของการ์ดรุ่นนี้ดูกันสักเล็กน้อยครับ

 

2.7-Slot DesignSink your heat into this

อันดับแรกเลยก็น่าจะเป็นขนาดของตัว Heatsink นี่ล่ะครับที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก โดยภาพที่ 1 ด้านบนคือ Heatsink ของการ์ด DUAL Series รุ่นเก่า และรูปที่ 2 ด้านล่างนั้นคือขนาดของ Heatsink ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากๆ โดยจะมีความหนาถึง 2.7 Slot กันเลยทีเดียว ไม่เย็นก็ให้รู้ไปครับ

 

เมื่อมีการติดตั้ง Heatsink ขนาดใหญ่แน่นอนว่าก็ต้องมีการติดตั้ง Back Plate อลูมิเนียมที่มีขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งตัวการ์ดด้วย เพื่อที่จะเป็นการช่วยไม่ให้ PCB ของการ์ดจอนั้นมีการบิดงอหลังจากการติดตั้งไปในระยะเวลานานๆ เนื่องจากน้ำหนักของ Heatsink มีค่อนข้างเยอะนั่นเอง

Feature :

  • Extreme Cooling with 2.7 slot width to provide 2x the surface area than the previous generation heatsink, allowing for more efficient thermal transfer.
  • Protective Backplate features a durable aluminum construction to prevent PCB flex and trace damage.
  • Overclocked Edition allows 1740 MHz GPU boost clock in OC mode for outstanding gaming experience
  • GPU Tweak II makes monitoring performance and streaming easier than ever, featuring Game Booster and XSplit Gamecaster, all via an intuitive interface.
  • Wing-Blade Fans boasts IP5X dust-resistance and operates at 0 dB levels when temperatures hit below 55C.

 

ส่วนความเร็วในการทำงานของ GPU/Boost/Mem นั้นกราฟิกการ์ดรุ่นนี้จะมีการ Overclock ค่า GPU Boost ขึ้นเพียงน้อยเท่านั้นในช่วงของการปรับเลือกโหมดจาก Gaming Mode (Default) 1710Mhz  มาเป็น OC Mode ที่ความเร็ว 1740Mhz ครับ

GPU/Mem Speed Mode :

  • OC Mode – GPU Boost Clock : 1740 MHz , GPU Base Clock : 1410 MHz
  • Gaming Mode (Default) – GPU Boost Clock : 1710 MHz , GPU Base Clock : 1410 MHz

 

NVIDIA Turing GPU

Tech Spec.

GeForce RTX 2080 Ti FE (Ref.) RTX 2080 FE (Ref.) RTX 2070 FE (Ref.) ASUS RTX 2070 DUAL
GPU Nane TU102 TU104 TU106 TU106
Technology (TSMC) 12 nm. FFN
Die size 754mm² 545mm² 445mm² 445mm²
Shader cores 4352 2944 2304 2304
Transistor count 18.6 Billion 13.6 Billion 10.8 Billion 10.8 Billion
Base frequency 1350 MHz 1515 MHz 1410 MHz 1410 Mhz
Boost frequency 1635 MHz (OC) 1800 MHz 1710 MHz 1710 Mhz
OC Mode 1740Mhz
Memory 11GB GDDR6 8GB GDDR6 8GB GDDR6 8GB GDDR6
Memory frequency 14 Gbps 14 Gbps 14 Gbps 14 Gbps
Memory bus 352-bit 256-bit 256-bit 256-bit
Memory bandwidth 616 GB/s 448 GB/s 448 GB/s 448 GB/s
RT cores 68 46 36 36
Tensor cores 544 368 288 288
Texture units 272 184 144 144
ROPs 96 64 64 64
TDP 260Watt 225Watt 185Watt 185Watt
Power connector 2x 8 Pin 8+6 Pin 8 Pin 8+6 Pin
NVLink (SLI) Yes Yes No No

     ส่วนรายละเอียดของสถาปัตยกรรมนั้นผมคงไม่ขอกล่าวถึงมากนนะครับ สามารถย้อนไปชมรายละเอียดในรีวิวของ ASUS RTX 2080 Ti Turbo 11GB ได้ครับ  และในส่วนรายละเอียดของ NVIDIA Geforce RTX 2070 “TU106” ตัวนี้ก็คือจะมีจำนวน Shader Core ทั้งหมด 2304 ตัวและมีหน่วยประมวลผลทางด้านแสง RT Core หรือ Real-time Ray Tracing อยู่ที่จำนวน 36 ตัวที่ช่วยกันประมวลทางด้านแสงโดยเฉพาะ และยังมีตัวหน่วยประมวลผลแยกอีกชุดคือ Tensor Core ที่เป็นชุดประมวลผลทางด้าน AI และ DLSS High-Quality Motion Image generation สำหรับการลบรอยหลักอัจฉริยะ ไม่ทำให้ตัว GPU ทำงานหนักจนเป็นหัญหาในเรื่องของ Frame Rate Drop มากเกินไป ดังนั้นการเปิดใช้งาน DLSS จึงทำให้เฟรมเรทสูงขึ้นกว่าการลบรอยหยักแบบอื่นๆ นั่นเอง   และสำหรับความเร็วของตัวของตัวกราฟิกการ์ด ASUS RTX 2070 DUAL OC 8GB ตัวนี้ก็จะทำงานอยู่ที่ GPU Clock/Boost/Mem @1,410/1,710/14,000Mhz ครับ

     และนี่ก็คือกราฟิกการ์ดจากทาง ASUS ในรุ่น Geforce RTX 2070 OC 8GB ซึ่งจะมาพร้อมกับ Heatsink ระบายความร้อนขนาดใหญ่และพัดลมจำนวน 2 ตัวที่เรียกว่าเทคโนโลยี Patented Wing-blade Fans ที่ช่วยเพิ่มแรงอัดอากาศ static pressure ได้ดีกว่าพัดลมธรรมดาทั่วไปกว่า 105% และยังมาพร้อมกับแกนใบพัดคุณภาพสูงกันฝุ่นละอองด้วยมาตราฐาน IP5X  และตัวพัดลมก็ยังออกแบบมาให้หยุดทำงานได้เองแบบ 0dBA. และจะทำงานแบบอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิ GPU สูงเกิน 55c องศาเซลเซียส

 

ตัวกราฟิกการ์ดรุ่นนี้บอกได้เลยว่าตัว Heatsink DUAL นั้นใหญ่มากๆ หนาถึง 2.7 Slot กันเลยทีเดียว

 

บริเวณด้านหลังของการ์ดทำการติดตั้ง Back Plate อลูมิเนียมมาให้เรียบร้อย เพื่อความแข็งแรงของตัว PCB ไม่โค้งงอง่ายครับ  และยังมีการสกรีนลายเส้นเพื่อให้ดูสวยงามและเข้ากับเมนบอร์ด Series ใหม่ๆ ของทาง ASUS อีกด้วยครับ

 

หนาแค่ไหนลองพิจารณาดูกันได้ครับ

 

กราฟิกการ์ดรุ่นนี้ต้องการต่อไฟเลี้ยงให้กับตัว GPU แบบ 12V 8+6Pin ครับ

 

บริเวณจุดต่อ Display Out นั้นมีทั้งหมด 4 จุดด้วยกันครับ โดยเป็น HDMI 2.0b จำนวน 1 ช่อง, DisplayPort 1.4 จำนวน 3 ช่อง และ USB Type-C สำหรับต่อแยกสำหรับเครื่องเล่น VR โดยเฉพาะอีกหนึ่งช่อง

Display Output :

  • HDMI Output : Yes x 1 (Native) (HDMI 2.0b)
  • Display Port : Yes x 3 (Native) (DisplayPort 1.4)
  • HDCP Support : Yes (2.2)
  • USB Type-C Support:Yes x1

 

กราฟิกการ์ดรุ่นนี้เชื่อมต่อผ่านทาง Interface PCIe3.0 x16 ครับ

 

และสำหรับ Geforce RTX 2070 นั้นจะไม่รองรับการต่อใช้งานแบบ Multi-GPU NVLink (SLI) นะครับ ถ้าต้องการใช้งานต้องขยับไปเล่น RTX 2080 ขึ้นไปถึงจะรองรับ

 

อุปกรณ์ Bundle ต่างๆ ที่แถมมากับตัวการ์ดครับ

 

ภาพบรรยากาศในการทดสอบครั้งนี้

System Spec.
 CPU
 Intel Core i7-8086K @5.0Ghz/4.8Ghz (Coffee Lake 14nm.)
 CPU Cooler  Tt Water3.0 360 ARGB Sync
 Thermal Compound  Kingpin Cooling KPx
 Motherboard
 ASUS ROG MAXIMUS X APEX ( Z370)
 Memory
 T-FORCE Xcalibur RGB DDR4-3600Mhz CL18 16GB-Kit
 VGA
 -ASUS RTX2080 Ti Turbo 11GB GDDR6
ASUS RTX2070 DUAL 8GB
 -MSI GTX1080 Ti GAMING X 11GB GDDR5
 Hard Drive
 -XPG GAMMIX S11 M.2 PCIe3.0 x4 NVMe SSD 480GB (OS) x1
 -WD Blue 1TB HDD (Game Drive) x1
 PSU  Thermaltake iRGB PLUS 1200 Watt
 OS  Windows 10 Pro 64-Bit Last Update (1809)

 

System Config

รายละเอียดของชุด System ในการทดสอบครั้งนี้ครับ Intel Core i7-8086K @ 5.0Ghz/Cache 4.8Ghz + T-FORCE Xcalibur DDR4-3600CL18-20-20-44 2T

 

VGA Temperature & Power Consumption.

สำหรับผลการทดสอบแรกนั้นมาดูกันในเรื่องของอุณหภูมิการทำงานของตัวการ์ดกันก่อนเลยดีกว่าครับกับ ASUS Geforce RTX 2070 DUAL OC 8GB ตัวนี้ โดยช่วง Idle อยู่ที่ 34 องศาเซลเซียส และในช่วง Full Load อยู่ที่ 72c องศาเซลเซียสสูงสุดครับ โดยเราจะทดสอบให้ห้องแอร์อุณหภูมิ 24-25c ตลอดการทดสอบ

 

GPU : Idle

 

GPU : Full Load

สำหรับรายละเอียดของผลการทดสอบทางด้านอยู่หภูมินั้นก็ถือว่าดับร้อนเจ้า RTX 2070 ได้สบายๆ สำหรับชุดระบายความร้อน DUAL รุ่นใหม่ที่มี Heatsink ขนาดใหญ่หนาถึง 2.7 Slot กันเลยทีเดียว โดยรอบการทำงานของพัดลมนั้นก็ไม่ได้สูงมากในช่วง Full Load โดยเราปล่อยให้พัดลมทำงานแบบ Auto หมุนอยู่ประมาณ 50% หรือราวงๆ 1650rpm. เสียงเงียบมากๆ ครับ

 


Power Consumption.

: Idle

และในส่วนอัตราการบริโภคพลังงานนั้นในช่วง Idle จะกินไฟอยู่ราวๆ 74-76Watt ทั้งระบบครับ

 

: Full Load

และในช่วงที่ตัว GPU Stress Test ด้วยโปรแกรม Furmark นั้นก็จะค่อยๆ กินไฟไต่ระดับขึ้นไปที่ 280-296Watt Peak สูงสุดครับ

 

ส่วนตรงนี้ก็เป็นอัตราบริโภคพลังงานของกราฟิกการ์ดทั้ง 3 รุ่น โดยเมื่อเทียบกับกันแล้วเจ้า ASUS RTX2070 DUAL OC 8GB จะกินไฟต่ำกว่า ASUS RTX 2080 Ti Turbo 11GB อยู่ประมาณ 61 Watt และเมื่อเทียบกับ MSI GTX1080 Ti Gaming X 11GB เจนเก่าแล้วก็จะเห็นได้เลยว่า 1080 Ti นั้นกินไฟเยอะกว่ามาก 96 Watt โดยประมาณครับ

 

3DMARK Performance

     มาดูประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกการ์ดรุ่นนี้กันเลยครับกับ ASUS RTX 2070 DUAL OC 8GB GDDR6 เริ่มจากโปรแกรมวัดประสิทธิภาพกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง 3DMARK Version ต่างๆ ไปชมกันเลยครับ  ส่วนผลการทดสอบของ 3DMARK ต่างๆ ที่เราได้เก็บ Base Test ไว้นั้นจะทำการเรียบเรียงมาเป็นกราฟเทียบกับให้ชมภายในอนาคตอย่างแน่นอนครับ ตอนนี้ขอเวลาเก็บ Base Test เพิ่มอีกสักนิดครับ

 

3DMARK Night Raid

 

3DMARK Fire Strike

 

3DMARK Time Spy

 

3DMARk Time Spy Extreme

 

3DMARK Port Royal

 

NVIDIA DLSS Feature Test

ผลการทดสอบสำหรับ DLSS Off/On ว่าการลบรอยหยักด้วย AI นั้นทำได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน โดยผลการทดสอบแบบเปิด DLSS นั้นช่วยให้เล่นเกมได้เฟรมเรทสูงกว่าถึง 10.53fps กันเลยทีเดียว

 

Gaming Performance

      มาดูประสิทธิภาพการเล่นเกมของ ASUS RTX 2070 DUAL OC 8GB GDDR6 ตัวนี้กันเลยดีกว่าครับว่าจะเล่นเกมได้แรงสักแค่ไหนกัน  โดยผลการทดสอบ Base Test ของเราในครั้งนี้ขอเน้นไปที่จอ 1080p ก่อนนะครับ ฮ่าๆ…  ถ้าให้ผมสรุปรวมๆ เลยนะครับสำหรับหลายๆ เกมทดสอบด้านล่างนี้กับความละเอียดหน้าจอ 1920x1080p + การปรับแต่งรายละเอียดของเกม Quality แบบ Max Setting พบว่า RTX 2070 นั้นเล่นเกมในยุคนี้และเกมโบราณๆ ได้เฉลี่ย รางๆ 100-120fps+ กันเลยทีเดียวครับ ผมมองว่าถ้าเล่นแค่ 1080p เจ้า RTX 2070 ตัวนี้เอาอยู่สบายๆ แน่นอน พลังเหลือเฟือ…

 

Battlefield 1 (DX11)

 

Battlefield V (DX11)

 

Crysis 3

 

The Division Benchmark

 

Ghost Recon Wildlands Benchmark

 

Fry Cry 5 Benchmark

 

Rise of Tomb Raider Benchmark

 

Shadow of Tomb Raider Benchmark

ผลการทดสอบดดยรวมแล้ว อย่างที่บอกเลยครับ ส่วนมากจะเล่นเกมได้ระดับ 100fps เฉลี่ยแทบทุกเกม พลังเหลือเฟือจริงๆ ครับ

 

Conclusion.

     เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับกราฟิกการ์ด ASUS Geforce RTX 2070 DUAL OC 8GB GDDR6 ตัวนี้ จุดเด่นของการ์ดรุ่นนี้เลยก็คือชุดระบายความร้อนที่มีขนาดใหญ่ DUAL Series ที่มาพร้อมกับพัดลมที่มีแรงอัดอากาศสูงและแกนมอเตอร์ก็สามารถป้องกันฝุ่นละอองเข้าไปในมาตราฐานของ IP5X อีกด้วยจัดว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ Heatsink ขนาดใหญ่ 2.7 Slot + พัดลมคุณภาพสูงแบบนี้จะดับร้อน RTX 2070 ได้สบายๆ  และในส่วนเรื่องของเสียงรบกวนนั้นก็บอกเลยว่าต่ำมากๆ แทบไม่ได้ยินจริงๆ ตอนเล่นเกม และยังสามารถหยุดหมุนได้เอง เมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 55c องศาเซลเซียส

     ประสิทธิภาพจากการเล่นเกมนั้นบอกได้เลยว่านี่คือการ์ด RTX 2070 ตัวแรกๆ ที่เข้ามาทดสอบใน LAB ของเรา และจากการได้ลองเล่นดูแล้วเหมาะมากกับผู้ที่ต้องการเล่นเกมกับจอขนาด 1080p ที่ต้องการเฟรมเรทระดับ 100fps+ ซึ่งบางเกมสามารถสร้างเฟรมเฉลี่ยได้มากุคง 150fps+ กันเลยทีเดียว ดังนั้นหากจับคู่กับจอ 100-144Mhz+ น่าจะเล่นเกมได้อย่างไหลลื่นจริงๆ ครับ ^^”   ส่วนข้อสังเกตุนั้นดูเหมือนว่าตัวการ์ดจะหนามากจริงๆ 2.7 Slot ก็ต้องดู Layout เมนบอร์ดกันให้ดีๆ นะครับว่าจะไปบังช่อง PCIe ช่องไหนที่ต้องการใช้งานหรือไม่ ?  ส่วนเรื่อง Multi-GPU SLI นั้นกราฟิกการ์ด RTX 2070 ไม่สามารถทำได้แบบ Native ตั้งแต่เกิดครับ เสียใจด้วย ฮ่าๆ….

เอาล่ะครับอย่างไรก็ขอฝากพิจารณากราฟิกการ์ดคุณภาพอีกรุ่นหนึ่งจากค่าย ASUS Geforce RTX 2070 DUAL OC Edition 8GB GDDR6 ตัวนี้ไว้พิจารณาดูกันด้วย สวัสดีครับ ^^”

Special Thanks

Power By Clock’Em UP Team