รีวิว VANTEC NexStar SX M.2 NVMe to USB 3.1 Gen2 Type-C Enclosure

     สวัสดีครับ วันนี้เรามีกล่อง Enclosure สำหรับแปลงใส่ M.2 NVMe เป็น USB3.1 Gen2 จากค่าย Vantec มาแนะนำกันอีกหนึ่งรุ่นนั่นคือ NexStar SX มาแนะนำกันอีกหนึ่งตัวครับ โดยกล่องแปลงรุ่นนี้มีข้อดีเลยก็คือ สามารถนำ M.2 ที่เป็น NVMe มาต่อใช้งานบนเจ้ากล่องนี้ได้เลย โดยตัว Controller ของตัวการ์ดด้านในนั้นสามารถรองรับ M.2 ที่เป็น NVMe interface และทำการแปลงไปเป็น USB 3.1 Gen2 แบบ Type-C to Type-C ได้อีกด้วย แน่นอนว่าความแรงในการโอนถ่ายข้อมูลนั้นจะแรงสุดๆ ด้วยความเร็วที่ทำได้มากถึง 10Gbps กันเลยทีเดียวครับ หุหุ… (ขึ้นอยู่กับคุณภาพของ NVMe ที่เราใส่ไว้ด้านในด้วย)

Feature

Design For Ultra-Fast NVMe module
     Latest NVMe Storage solution with USB 3.1 Gen2 for Speed
• Write Protect Function
     Switch to Read Only to Protect against Virus*
• Anodized Aluminum to Keep Cool
     Strong, durable and heat dissipation properties
• Small Pocket size
     104x40x15mm and Fit Big Capacity NVMe
• USB 3.1 Gen 2 with USB-C interface
     Next Gen USB, designed to very fast
• LED Clear indication for protected data
     Red for Read Only, White for Read/Write
• Design for Multi-OS compatibility
     Windows 10, Chrome OS, OS X 10.10 or Better, Latest Linux Kernel
• Support multi-size M.2; USB-C to C cable
     Module Length 2230, 2242, 2260, 2280, USB-C cable length 385mm
• UASP; Plug & Play; No Drivers Needed
     Work with USB Attached SCSI, Plug and ready to use

 

แกะกล่องดูกันเลยดีกว่าครับ โดยตัวกล่อง Enclosure รุ่นนี้จะมาพร้อมกับชิ้นงานที่เป็นอลูมิเนียมทั้งตัว โดยออกแบบให้เป็นตัว Heatsink กระจายความร้อนของตัว M.2 NVMe ไปในตัวนั่นเอง

 

Enclosure รุ่นนี้จะสามารถใส่ได้กับ M.2 NVMe ได้ในขนาดยาวสุดที่ Type-2280 เท่านั้นนะครับ   และไม่สามารถใช้งานร่วมกับ M.2 ที่เป็น SATA Contoller ได้นะครับ ต้องซื้อแยกรุ่นต่างหาก ดังนั้นก่อนซื้อดูก่อนว่า M.2 ที่คุณมีอยู่นั้นเป็นแบบ NVMe หรือ SATA Interface

Model: NST-205C3-SG

  • M.2 size:   Length support 2230, 2242, 2260, 2280
  • M.2 Support:   M.2 NVMe with “M” Key Only
  • Internal Interface:   1 x M.2 (NVMe , M-Key)
  • External Interface:   Standard USB 3.1 Gen 2 USB-C
  • Enclosure Material:   Anodized Aluminum with Heat Sink
  • Power Supply:   Bus-powered, no external power supply needed
  • USB cable connector:   USB-C to USB-C
  • USB cable length:   300mm / 11.8 inches
  • Dimensions:   104 x 40 x 15 mm / 4.1 x 1.6 x 0.6 inches
  • Weight:   142 grams / 5.0 oz.
  • OS Support:   Mac OS X 10.10 or higher, Windows 10, Latest Chrome OS, Latest Linux kernel

 

นี่คือการ์ดแปลง M.2 NVMe to USB 3.1 Gen2 ที่มีมาให้ครับ

 

โดยตัวการ์ดจะใช้ PCB สีดำทั้ง 2 ด้าน

 

     นี่คือบริเวณจุดเสียบสายสัญญาณ USB 3.1 Gen2 ความเร็ว 10Gbps ครับ และตัวการ์ดยังออกแบบมาให้มีระบบ Write Protect Function สำหรับข้อมูลได้อีกด้วย โดยทำเป็น Swtich มาให้เปิด/ปิดการใช้งาน ไม่ให้มีการเขียนข้อมูลเข้าไปแบบอัตโมนัมติ เมื่อเราเสียบต่อกับ OS บน PC ซึ่งการทำงานนี้ก็เหมือนเปิดให้อ่านไฟล์ในตัวกล่องได้อย่างเดียว และเมื่อต้องการเขียนข้อมูลค่อยกด Swtich นี้คืนได้นั่นเอง ก๋เอาไว้ป้องกันพวก Auto Run ต่างๆ ได้ดีเลยครับ

 

การติดตั้งนั้นให้นำน๊อตตัวสีทองไปติดตั้งที่บริเวณตัว M.2 Mounting ก่อน  โดยสไลด์เข้าไปบริเวณรูยึดน๊อต จากนั้นค่อยขันน๊อตยึด M.2 ให้ติดกับตัวการ์ดอีกทีหนึ่ง โดยข้อดีอีกอย่างหนึ่งของ Enclosure รุ่นนี้คือแถมไขควงขนาดเล็กมาให้พร้อมประกอบใช้งาน…

 

เมื่อติดตั้งเรียบร้อยก็เตรียมการ์ดเสียบเข้าไปในกล่อง Enclosure ครับ

 

ก่อนอื่นนั้นก็อย่างลืม ติดชุดระบายความร้อน M.2 Heatsink ที่แถมมาให้พร้อมกับ Thermalpad ให้เรียบร้อยก่อนนะครับ เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของตัว M.2 จะได้สมบูรณ์ที่สุด

 

ติดตั้ง Thermal pad + M.2 Heatsink ให้เรียบร้อย… (ใส่ให้ถูกด้านด้วยนะครับ)

 

จากนั้นก็เสียบการ์ด M.2 เข้าไปในตัว Enclosure โดยใส่ให้ตรงด้านด้วยนะครับ (อ่านคู่มือก่อนการติดตั้ง)

 

ดันตัวการ์ดเข้าไปให้สุด จากนั้นก็เอาฝา Cover ที่แถมมาให้ใส่ปิดลงไปให้ตรงด้านด้วยเช่นกัน… ขันน๊อตยึด 2 จุดให้แน่น เป็นอันเสร็จพิธี…

 

     เสียบสาย USB Type-C ให้เรียบร้อย แล้วเอาไปต่อกับ PC หรือ Mac ที่มีช่องเสียบ USB Type-C ได้ทันทีครับ โดยรองรับได้ทั้ง OS : Max OSX 10.10 หรือ Version ที่สูงกว่า และ Windows 10, Chromes OS ตัวล่าสุด และ Linux kernel ตัวล่าสุดก็สามารถใช้งานได้เช่นกันครับ ^^”   ส่วนข้อดีของสายเสียบแบบ USB3.1 Type-C นอกจากจะมีความแรงระดับ 10Gbps แล้วยังสะดวกในการต่อใช้งานตรงที่หัวเสียบแบบนี้จะพลิกด้านไหลเสียบก็ได้ครับ ใช้งานได้ทั้ง 2 ด้าน ต่างกับ USB Type-A ทั่วๆ ไปที่ต้องใส่ให้ถูกด้านเท่านั้น…