รีวิว MSI Gaming Notebook GL65-8SE

 

     สวัสดีครับ วันนี้นาย Audigy จะมารีวิว Notebook Gaming จากค่าย MSI ในรุ่น GL63 8SE ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง CPU Intel Core i7-8750H 6C/12T และกราฟิกการ์ด NVIDIA Geforce RTX 2060 6GB กันเลยนะเออ….. และก่อนอื่นก็ต้องบอกก่อวว่า นี่คือ Notebook Gaming ตัวแรกที่ผมเคยรีวิวเลยนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้า  ส่วนแนวทางการรีวิวคงเป็นไปตามแบบฉบับของผมเหมือนเดิมเลยนะครับ

     ***และสำหรับการ Live Stream ทดสอบตัว GL63 8SE ไปก่อนหน้านี้ ที่ผมกล่าวไว้ว่ามันดูหน่วงๆ หนืดๆ แปลกมาก ผมพบปัยหาแล้วว่า เกิดจากอะไร? กล่าวคือ ถ้าต่อเล่นเฉพาะ Notebook เพียวๆ ไม่มีการต่อจอแยก หรือต่อผ่าน Capture Card อาการดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น (เราก็อาจจะมีจอ Monitor ดูภาพ แต่ดันทำให้ config นี้เล่นเกมไม่ได้ งงจริง…)  โดยสามารถเล่นเกมต่างๆ ได้อย่างไหลลืน 40-60fps เฉลี่ยแทบทุกเกม ดังนั้นต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย  ดังนั้นถ้าใครจะต่อ Laptop Gaming รุ่นนี้ เล่นเกม ผมมองว่า ให้พบจอลงไปเลย แล้วสั่งให้ใช้จอแยกอย่างเดียว อย่าต่อเปิดใช้งานแบบ 2 จอผมกัน มิฉนั้นจะเกิดอาการหน่วงๆ เฟรมเหลือ 28-30fps แบบที่เห็นกันใน Live Stream นั่นล่ะครับ ฮ่าๆ… >______<

     รายละเอียดทางด้านเทคนิคด้านล่างนี้ก็ต้องบอกได้เลยว่า Notebook สมัยนี้แรงพอๆ กับ PC ตั้งโต๊ะเลยนะเออ…. ผมนี้เห็น Spec ครั้งแรกก็ตกใจเลย และยิ่งราคาขายเพียงแค่ 40K กลางๆ เท่านั้นเอง โคตรถูกเลยกับ Spec ที่ได้มา Core i7-8750H 6C/12T และยังได้ RTX 2060 6GB ที่เป็น Spec เดียวกับตัวการ์ดแยก กล่าวคือไม่ได้ตัด Shader Processor ออกเลยแม้แต่น้อย ซึ่งยังคงให้มาที่ 1920 Units โดยจะต่างกันแค่ช่วง GPU Boost Clock บ้างเล็กน้อยเท่านั้นเอง  จัดว่าไม่ธรรมดาจริงๆ !!!  ส่วนรุ่นที่ผมได้มารีวิวนี้จะเป็นจอขนาด 15.6″  Full HD 1920×1080 @ 60Hz นะครับ  ส่วนอีกรุ่นจะมีตัวที่เป็น 120Hz 3ms. ขายด้วย ซึ่งก็ต้องดูรุ่นกันอีกที โดยของผมเป็นรุ่น GL63 8SE และในส่วน Keyboard จะเป็นของ SteelSeries ไฟสีแดงล้วนนะครับ ส่วนรุ่นที่เป็นสร RGB แยกปุ่มได้นั้นก็จะเป็นคนละโมเดล… ดังนั้นก่อนซื้อถามร้านดีๆ ละกันนะครับ….

Specification รายละเอียดทางเทคนิค

Model
GL63 8SE
CPU Up to 8th Gen. Intel® Core™ i7 Processor 8750H 6C/12T
OS Windows 10 Home*
Windows 10 Pro*
Display 15.6″ FHD (1920×1080), Wide-View*
15.6″ FHD (1920×1080), 120Hz, 3ms, Wide-View
Chipset Intel® HM370
Graphics NVIDIA® GeForce RTX™ 2060 with 6GB GDDR6
Memory Type DDR4-2666 8GB x1
Number of DIMM Slot 2 Slots
Max Capacity Max 32GB
SSD 1x M.2 SSD slot (NVMe PCIe Gen3)
1x M.2 SSD Combo slot (NVMe PCIe Gen3 / SATA)
HDD 1x 2.5″ SATA HDD
Webcam HD type (30fps@720p)
Keyboard Backlight Keyboard (Single-Color, Red)
LAN Killer Gb LAN
Wireless LAN & Bluetooth 802.11 ac Wi-Fi + Bluetooth v5
Speaker 2x 3W
Audio Jack 1x Mic-in
1x Headphone-out (SPDIF)
Type-C USB3.1 Gen2 1x
Type-A USB3.1 Gen2 1x
RJ45 1x
Card Reader 1x SD (XC/HC)
HDMI 1x (4K @ 60Hz)
Mini-DisplayPort 1x
Battery (Cell) 6-Cell
Battery (Type) Li-Ion
Battery (Whr) 51
AC Adapter 180W adapter
Dimension (WxDxH) mm 383 x 260 x 29.5
Weight (w/ Battery) 2.3
Type-A USB3.1 Gen1 2x

 

มาดูตัว Notebook Gaming ตัวนี้กันเลยดีกว่าครับ ซึ่งจะมาในขนาดหน้าจอ 15.6″ ดังนั้นตัวมันก็จะไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก และน้ำหนักก็อยู่ราวๆ 2.3Kg เท่านั้นเอง (รวม Battery แล้ว)  ส่วนตัว Adapter ที่ให้มาก็มีขนาด ไม่ใหญ่จนเกินไป พกพอไปไหนก็จับใส่เป้…. ก็พอจะสะดวกอยู่นะครับ ไม่ได้หนักอะไรขนาดนั้นจริงๆ….

Feature :

  • Latest 8th Gen. Intel® Core™ i7 processor
  • Windows 10 Home / Windows 10 Pro (แล้วแต่ Package ที่ร้านขาย)
  • Up to GeForce® RTX 2060 6GB GDDR6
  • 15.6″ Full HD (1920×1080), 120 Hz Refresh Rate and 3ms response time panel (*optional)
  • 15.6″ Full HD (1920×1080), 94%NTSC wide-view panel (*optional)
  • Exclusive Cooler Boost 5 Technology
  • 5X bigger Upgraded Giant Speakers for captivating realism
  • Dragon Center with exclusive gaming mode
  • Per-Key RGB gaming keyboard by SteelSeries with Silver-Lining Print (*optional)
  • Exclusive SHIFT technology boosts performance under controlled noise & temperature

     โทนสีหลักของตัว GL63 8SE ตัวนี้ก็จะมีสีหลักเลยคือเทาเข้มๆ เหมือนสีดำด้านอะไรทำนองนั้นครับ และก็มีการตัดลายเส้นด้วยขอบสีแดง และ MSI Gaming Logo ส่วนเรื่องของการออกแบบระบบระบายความร้อนนั้นก็ถือว่าออกแบบมาได้ค่อนข้างดีเลย ซึ่งจะมีแยกกันซ้าย และขวา ระหว่างตัว CPU และ GPU ที่มีพัดลม + Heatpipe ด้านในแยกของใครของมัน โดยตัว CPU จะอยู่ฝีางด้านซ้ายมือ และตัว GPU จะอยู่ฝั่งขวามือ โดยแต่ละชุดจะดูดลมเย็นเข้า และเป่าออกแยกกันอิสระครับ เยี่ยมไปเลย…  (แต่การออกแบบ Heatpipe ด้านในยังคงเชื่อมต่อหากัน เพื่อช่วยกระจายความร้อน  สามารถดูภาพภายในของ Notebook ตัวนี้ได้ในช่วงท้ายเทป Live ที่ผ่านมาได้ครับ)

 

บริเวณช่องเสียบ USB3.1 Gen1 จะมีอยู่ฝั่งทางด้านขวามือ จำนวน 2 ช่อง + กับช่องเสียบ Card Reader SD (XC/HC) อีก 1 ช่อง  และช่องเสียบ Adapter ก็จะอยู่ฝั่งนี้ด้วยเช่นกัน

 

และในส่วนทางด้านซ้ายมือ ก็จะเป็นบริเวณของช่องเสียบ Gigabit LAN 1Gb/s จากค่าย Killer LAN x1, HDMI x1, Mini-Display x1, ช่องเสียบ USB3.1 Gen2 Type-A x1, Type-C x1 และก็ช่องเสียบหูฟังและไมค์อย่างละช่อง  ส่วนเรื่องของระบบเครือข่ายไร้สายต่างๆ ก็ได้แก่ 802.11 ac Wi-Fi และ Bluetooth v5

 

รองรับการต่อใช้งานแบบ Multi-Display รวมกับจอของ Notebook เองแล้วได้ถึง 3 จอเลยนะครับ แต่ระวังจะเจอปัญหาภาพหน่วงแบบที่ผมเจอนนะครับ ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็น Bug ของ Config แบบ Multi-Dispaly รึป่าวไม่แน่ใจ….

 

     ผลิกดูด้านหลังของตัว Notebook ตัวนี้ดูกันสักนิดครับ ซึ่งจะมีการติดตั้งตัวลำโพงขนาดกำลังขับ 3Watt จำนวน 2 ตัว ซึ่งน่าจะใช้ Software ของ NAHIMIC 3 ควบคุมแนวโทนเสียงต่างๆ ว่าต้องการแบบไหน และยังสามารถจำลองทิศทางของเสียงได้ในแบบ 7.1CH ได้เลยนะเออ….. และจากที่ผมลองฟังเสียงครั้งแรกนั้น ก็ให้ความรู้สึกถึงมิติที่แปลกไปจริงๆ กล่าวคือตัวลำโพงมันอยู่ด้านหน้าสุดใช่ไหมครับ  แต่เวลาเราฟังเสียงที่ออกมา เหมือนทิศทางมันมาจากด้านหน้าของจอภาพเลยล่ะครับ จัดว่ามิติเสียงตอนเล่นเกมนี้เร้าใจมากเลยทีเดียว ^O^

 

มุมและองศาการพับจอ ถ้าหากต้องการให้มันค้างแบบในภาพ ก็ต้องยกหน้าจอขึ้นมาตามองศาในภาพเลยครับ ถ้าต่ำกว่านี้ มันจะพับลงเอง…

 

ผมลองเปิดแบบกว้างสุดก็ได้องศาประมาณในภาพเลยครับ นี่คือการเปิดจอให้กว้างที่สุดครับ

 

     และอีกอย่างที่ชอบเลยก็คือเป็น Keyboard แบบ Full Size ที่มีตัว Num Pad ให้เหมือนกับ Keyboard ตั้งโต๊ะทั่วไป ซึ่งสะดวกมากในการใช้งาน เพราะผมเป็นคนไม่ชอบแบบที่ไม่มี Num Pad เพราะใช้งานดูลำบากมาก  ส่วนตัวสีไฟ LED ของปุ่ม Keyboard นั้นรุ่นนี้จะเป็นรุ่น LED สีแดงล้วนนะครับ ถ้าใครต้องการตัว Per-Key RGB ก็คงต้องทุ่มงบจ่ายเพิ่มอีกหน่อย…. แต่ก็ยังได้ปุ่มกดที่มาจาก SteelSeries เหมือนกัน…

 

บริเวณด้านบนของจอ ก็จะติดตั้งตัว WebCam 720p30fps และไมค์มาให้พร้อมใช้ในการสนทนา Video Call

 

บริเวณ Touch pad ครับ ก็ค่อนข้างใหญ่เลย

 

ด้านหน้าก็จะมีไฟ LED แสดงสถาณะของการอ่านของ Hard Drive และไฟ Power ต่างๆ

 

อีกหนึ่งมุมมองจากทางด้านหน้าครับ

 

     ปุ่มกดรูปพัดลม ด้าบนซ้ายมือ จะเป็นการสั่งให้พัดลมทั้ง 2 ตัวที่ระบายความร้อนให้กับ CPU และ GPU ทำงานแบบสูงสุดตลอดเวลา เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการระบายความร้อน ใช้งานง่ายมาก ไม่ต้องกดจาก Software ก็ได้ครับ ผมว่าง่ายดี คือกดหนึ่งครั้ง พัดลมเร่งรอบสุด และกดอีกครั้งให้มันทำงานแบบ Auto  และในส่วนของปุ่มกดรูป G ก็จะเป็นปุ่มเรียกมังกร Dragon Center ถ้าผมจำไม่ผิด อ่านะ….

 

รายละเอียดของ Hardware ต่างๆ ที่ใส่เข้าไปในตัว Notebook Gaming GL63 8SE ตัวนี้ครับ ไปชมกันเลยว่ามีอะไรบ้าง….

 

System Spec.

     จากโปรแกรม CPU-Z ก็แจ้งว่าได้เลือกใช้ CPU Intel Core i7-8750H ความเร็วเดิมๆ อยู่ที่ 2.2Ghz และสามารถบูสได้สูงสุดเ้วยเทคโนโลยี Intel Turbo Boost ได้ถึงสูงสุดถึง 4.10Ghz Max กันเลยทีเดียว ส่วนจำนวนคอร์ประมวลผลนั้นก็จะมาแบบ 6 Core/12 Thread และ Cache L3 จะลดลงเหลือ 9MB ต่างจากตัว Desktop นิดหนึ่งครับ ซึ่งปกติแล้วพวก 8700 จะอยู่ที่ L3 12MB  ดังนั้นเหตุผลที่ลด Cache L3 ให้เล้กลงก็น่าจะเป็นเหตุผลเดียวเลยก็คือเรื่องของการประหยัดพลังงานนั่นเอง  และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ IGP UHD Graphics 630 เข้ามาช่วยในการแสดงผลแยกได้อีกด้วยครับ กล่าวคือ NB Gaming รุ่นนี้รองรับการต่อจอ 4K ได้ทุกช่องเลยนะครับ โดยถ้าต่อผ่าน HDMI จะได้ที่ 4K30Hz และถ้าต่อผ่าน Mini DP จะได้ที่ 4K60Hz ครับ

     ส่วนตัวกราฟิกการ์ดแยกที่ใส่มาให้นั้นก็จะขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของ NVIDIA Geforce RTX 2060 6GB GDDR6 จากค่าย Samsung จัดว่าเทพไปเลยครับ เพราะเอาตัวแบบเดียวกับ Desktop มาลงใน Notebook กันเลยทีเดียว และยังโดดเด่นในเรื่องของ Ray Tracing ทาง Hardware อีกด้วย ส่วนความเร็วของ GPU/Boost/Mem นั้นอยู่ที่ระดับ 960/1200/1750Mhz  รองรับ API DirectX12_1, OpenGL 4.5

 

     ส่วนแรมด้านในที่ให้มานั้นจะเป็นขนาดความจุ 8GB DDR4-2666Mhz CL19-19-19-43 แบบ SO-DIMM 1.2V เท่านั้น และยังสามารถ Upgrade แรมเพิ่มได้อีก 1 ช่องครับ (ผมแนะนำว่าซื้อแรมเพิ่มอีก 1 แถวเป็น 8GBx2 เลยดีกว่าครับ เพราะใช้งานจริงๆ เล่นเกมก็หมดแล้ว 8GB)  ส่วนตัว OS นั้นจะเลือกใช้ M.2 NVMe SSD จากค่าย Kingston ขนาดความจุ 256GB โดยความเร็วที่ผมทดสอบไว้ใน Live ก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 15xx/7xxMB/s ก็แรงเหลือๆ เลยนะเออ….

     และในส่วนของ HDD 2.5″ ที่ให้มาอีกหนึ่งตัวไว้เก็บข้อมูลนั้น ก็จะเป็นของ Seagate ขนาดความจถ 1TB เอาไว้เก็บพวกเกมกับ DATA ขนาดใหญ่ รอบการทำงานอยู่ที่ 7200rpm. เลยนะครับ ความเร็ว Read อยู่ที่ 180MB/s กันเลยนะ… ไม่ธรรมดาจริงๆ  ลองคิดดูครับว่าแรงพอกับ PC บ้านๆ ครึ่งหนึ่งเลยไหม ???

 

MSI Dragon Center Software

     ก่อนอื่นเลยผมขอแนะนำพระเอกของเราในการเรียกประสิทธิภาพที่เครื่องให้เต็มที่ ด้วยการเรียกมังกรออกมา….  ซึ่งโปรแกรม MSI Dragon Center นี้จำเป็นต้องลงด้วยเลยนะครับ เพราะเขาจะเขียนมาเพื่อควบคุมการจัดพลังงานของ Notebook ทั้งหมด ซึ่งหากเราเข้าไปในหน้าของ Power Option ก็จะไม่สามารถปรับแต่งอะไรได้เลยเพราะเขาได้เขียน Dragon Center มาควบคุมระบบการจัดการพลังงานทั้งหมด   ซึ่งเราสามารถที่จะเลือกปรับใช้งานที่ระบบ Shift Speed ได้ทั้งหมด 4 โหดมดด้วยกัน (แนะนำให้โหลด Dragon Center ตัวล่าสุดมาเลยนะครับ มันจะมี Turbo Mode เพิ่มเข้ามา เพื่อเร่งบูส CPU สูงสุดในการทำงานในระดับ 4.0Ghz++ แช่ได้นานขึ้น แต่มีข้อแม้ว่า ต้องต่อ Adapter เท่านั้นถึงจะปรับ Turbo Mode ได้)

     ส่วนโหมดที่เหลือก็จะเป็นพวก Sport, Comdort และ Eco เอาไว้ให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม เช่นเอาไป Present งานนอกสถานที่ ก็เลือกแค่ Eco ก็พอครับ ประหยัดพลังงานดี  ส่วนตัวผมแล้ว มองว่า ถ้าใช้งานทั่วๆป Sport ไปเลยครับ  และถ้าเล่นเกมแบบจริงจัง หรือทำงานหนักๆ ต้อง Render/Encode ก็ปรับ Turbo Mode + เสียบ Adapter ไปเลย แรงแน่นอน… ^^”  (แต่รอบพัดลมมันก็จะดังๆ หน่อยนะ)

 

ในหน้าของแถบ Performance นั้นก็จะมีให้เราได้เลือกปรับแต่งการทำงานของ CPU, Fan Speed และโหมดเสียงย่อยได้อีก…. และโหมดอื่นๆ ก็จะได้แก่ Theater Mode, Meeting Mode และเลือกปรับแต่งได้เองตามใจชอบอีก 2 Profile ย่อย

 

อันนี้คือหน้าตาของการปรับแต่งในโหมดของ Theater สำหรับการดูภาพยนต์โดยเฉพาะ  ซึ่งในส่วนของเกียร์ Shift นั้นก็จะเลือกให้เราที่ Comfort

 

ส่วนโหมดของ Meeting ก็จะเลือกเป็น Eco เพื่อเน้นการประหยัดพลังงานเป็นพิเศษนั่นเอง…

 

     และถ้ามองลงมาด้านล่างเลยครับ กดปุ่มตรงกลางรูปโล่ของ MSI “G” แล้วเลื่อนไปในแถบสุดท้าย ขวามือสุด อันนี้จะมีคำสั่งให้ Backup และ Recovery PC ของเราได้แบบง่ายๆ เลยครับ  ส่วนถ้าใครงงเรื่องการปรับใช้งาน Mode ต่างๆ ก็มองไปที่มุมด้านขวาบน ที่รูปมังกรตัวสีแดงเล็กๆ อยู่หลังชื่อรุ่น GL63 8SE มันจะทำงานแบบ Wizard ง่ายๆ โดยมังกรจะถามว่า เราต้องการใช้งาน Notebook กับงานประเทภไหน เช่น Gaming, Movie หรือ Meeting ต่างๆ เราก็เลือกหัวข้อตามที่เราต้องการ จากนั้นมังกรก็จะปรับแต่งค่า Config ให้เหมาะสมกับสิ่งที่เราต้องการแบบง่ายๆ เลยล่ะครับ ^^”

 

Benchmark

     และผลการทดสอบด้านล่างนี้ก็จะเป็นประสิทธิภาพที่วัดออกมาได้จาก Benchmark มาตราฐานต่างๆ ที่เราได้ทดสอบไว้ ซึ่งโดยรวมแล้วก็มีประสิทธิภาพที่ไล่ๆ กับ PC ตั้งโต๊ะได้อยู่นะครับ ถ้าไม่ติดเรื่องความร้อน ที่ต้องยอมลดเรื่อง Clock Speed ของ CPU ลงนี่ผมมองว่ามันคือ PC ขนาดย่อมนี่เอง  ส่วนประสิทธิภาพของตัว Geforce RTX 2060 6GB ตัวนี้ผมมองว่าสูสีกับตัว PC ตั้งโต๊ะมากๆ ^^”   ปล. ประสิทธิภาพที่เห็นอยู่นี้คือการปรับใช้งาน Dragon Center ใน Mode : Turbo เพื่อดูประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานของพลัง Hardware

 

Super Pi

 

AIDA64 Cache & Memory Benchmark

 

x264 FHD Benchmark

 

Cinebench R15

 

Cinebench R20

 

Realbench V2.56

 

3DMARK Night Raid

 

3DMARK Fire Strike

 

3DMARK Time Spy

 

3DMARK Port Royal (DXR)

 

Gaming Performance 1080p

Shadow Of The Tomb Raider

เอาล่ะครับหลังจากชม Benchmark ต่างๆแล้วก็มาชมประสิทธิภาพของเกมต่างๆ กันบ้าง ซึ่งเกมแรกคือ Shadow of Tomb Raider ถ้าจำไม่ผิดผมน่าจะปรับ Ultra เลยนะครับ + Ray Medium ผลการทดสอบที่วัดออกมาได้นั่นก็อยู่ที่ประมาณ 55fps เฉลี่ย จัดว่าเล่นได้ไหลๆ กันเลยทีเดียว

 

Division 2 Benchmark

ส่วนเกม Division 2 Benchmark นั้นก็ปรัยบที่ 1080p + Custom + Ultra Setting ก็พอเล่นได้นะครับ โดยเฟรมเฉลี่ยอยู่ที่ 50fps

 

Far Cry 5 Benchmark

และสำหรับ Fay Cry 5 ปรับรายละเอียดที่ 1080p + Ultra Preset นั้นเล่นได้สบายๆ เลยที่ 63fps เฉลี่ย

 

DEUS EX Benchmark

และในส่วนของ DEUS EX นั้นก็พอเล่นได้เช่นกันครับกับเฟรมเฉลี่ย 56.7fps ด้วยความละเอียดที่ปรับแต่งไว้ 1080p + Very High Setting DX12

 

Battlefield V + Ray

     ส่วนในเกม BF5 ผมไม่ได้ benchmark ออกมานะครับ แต่จำได้ว่าปรับแต่งที่ความละเอียด 1080p + Ultra + Ray แล้วเฟรมเฉลี่ยที่เล่นได้น่าจะอยู่ราวๆ 45-50fps++ อยู่นะครับ ถือว่าเล่นได้แบบชิวๆ เช่นกัน แต่ถ้าไม่อยากให้หนักตัว GPU มากก็ปิด Ray ไปเลย ไหลลื่นแน่นอน…  และในส่วนของ RAM เครื่องนั้นผมบอกเลยครับว่า 8GB ไม่น่าจะพอ แนะนำให้ไป Upgrade แรมเป็นคู่ละ 16GB เถอะครับ ด้วยความหวังดี….  และสำหรับเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้นตัว GPU ไม่ได้ร้อนอะไรมากนัก เล่นเกมในห้องแอร์ก็อยู่ราวๆ 75-80c โดยประมาณ ส่วน CPU นั้นก็อาจจะดูร้อนๆ หน่อย เมื่อ Full Load อยู่จะอยู่ที่ 85-96c+++ ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับ Notbook Gaming ซึ่งด้วยความจำกัดในเรื่องของพื้นที่การระบายความร้อน จึงคงทำได้ดีที่สุดประมาณนี้ล่ะครับ  ซึ่งถ้ามันร้อนมากๆ มันก็จะทำการลดความเร็วของมันขึ้นลงแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องกังวลว่ามันจะร้อนจนดับหรือค้างระหว่างทำงานนะครับ ผมลองมาแล้ว ไม่เจอปัญหาจากเรื่อง Heat เกินแน่นอน…

 

Conclusion.

     เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับการรีวิว Notebook Gaming ของ MSI ในรุ่น GL63 8SE ขนาดหน้าจอ 15.6″ ตัวนี้…. จากที่ผมได้ลองสัมผัสมาอยู่ประมาณ 5-10 วัน ก็พบว่า NB Gaming ในยุคนี้พัฒนาไปไกลมากเลยทีเดียว (พูดในมุมมองของคนที่ไม่เคยมี NB Gaming เป็นของตัวเอง และปกติใช้แต่ PC เท่านั้น) ประสิทธิภาพที่ได้นั้นแทบจะเทียบเท่ากับ PC ตั้งโต๊ะได้เลยล่ะครับ เผลอๆ แรงกว่าคอมของใครบางคนเสียอีก ฮ่าๆ…. ที่แน่ๆ เจ้า Geforce RTX 2060 6GB ตัวนี้แรงกว่าเครื่องทำงานผมเสียอีก เพราะผมยังใช้ GTX 970 อยู่เลย ฮ่าๆ…   และสำหรับประสิทธิภาพในการเล่นเกมจริงๆ นั้นผมมองว่าที่ความละเอียด 1080p + RTX 2060 6GB นั้นสามารถขับเคลื่อนเกมต่างๆ ในยุคนี้ด้วยกระปรับรายละเอียด High ถึง Ultra ได้ที่เฟรมเรทเฉลี่ย 40-60fps+ ได้ชิวๆ เลยล่ะครับ และถ้าปรับรายละเอียดแค่ Medium Quality นั้นคงเห็นเฟรม 66-80fps+ ได้ในหลายๆ เกม

     ส่วนความแรงของ CPU Intel Core i7-8750H 6C/12T นั้นก็เหลือเฟือในการใช้งานทำงานทั่วไป ซึ่งแทบจะเทียบกับกับ PC เสียด้วยซ้ำ  ส่วนเรื่องการควบคุมระบบการจัดการพลังงานด้วย MSI Dragon Center นั้นก็ทำได้ดีระดับหนึ่งเลย ซึ่งออกแบบมาใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากจนเกินไป และถ้าต้องการใช้ NB ตัวนี้ที่ประสิทธิภาพสูงสุด ต้องปรับไปที่ Turbo Mode ซึ่งมีข้อเสียคือต้องบังคับเสียบ Adapter เท่านั้น  ส่วนเรื่องสีสันของจอภาพก็ทำออกมาได้ดีระดับหนึ่งเลยครับ ไม่ได้ดี หรือแย่จนเกินไป…

     ทางด้าน Storage นั้นผมมองว่า Set มาดัมากครับ โดยการจับคู่ระหว่าง M.2 NVMe SSD ขนาด 256GB ทำเป็น OS และเลือกใช้ HDD จานหมุนขนาด 2.5″ รอบการทำงาน 7200rpm. จึงทำให้การใช้งานทั่วไปนั้น อารมณ์เหมือนจับ PC เครื่องหนึ่งเลยล่ะครับ จัดว่าเป็น Spec ที่ทำออกมาได้ ok เลยในส่วนนี้…  และเรื่องระบบเสียงผมก็ยังไม่ได้ถึงพับตั้งใจฟังเสียงอะไรมากนัก ก็ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องของมิติเสียงนั้นจำลองมาได้ ok อยู่นะ ก็ไม่ได้แย่อะไรมาก ถ้าอยากได้รายละเอียดที่ชัดเจนคงต้องต่อ Headset/DAC + ลำโพงแยกไปเลยดีกว่า

     เรื่องความร้อนสะสมนั้นแทบไม่มีเลยนะ เพราะเขาออกแบบให้การดูดลมเย็นและการเอาลมร้อนออก แยกออกเป็น 2 ฝั่งให้กับคัว CPU และ GPU จึงทำให้ไม่มาร้อนสะสมที่ตัว NB เหมือนยุคก่อนที่เล่นไปนานๆ แล้วรู้สึกร้อนอุ้งมือ…. เพราะร้อนลามมาถึงคีย์บอร์ด   ให้เราลืมภาพนั้นไปได้เลยครับ อย่างมากก็แค่อุ่นๆ เท่านั้น (เพราะชุดระบายความร้อนอยู่ด้านบนสุดของตัว NB เท่านั้น ไม่ได้อยู่บริเวณตรงกลางในตำแหน่งของ Keyboard)  และที่ชอบอีกอย่างหนึ่งเลยก็คือปุ่มกดเร่งรอบพัดลมให้รอบสูงสุดตลอดเวลา ผมมองว่าสะดวกดี เวลาที่ต้องการทำงานหนักๆ เล่นเกมแบบนานๆ หรือเอาไว้ Cool Down ช่วงที่คิดว่า NB ร้อนมากๆ จากการทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมง แล้วค่อยพับเก็บในเป้/กระเป๋า  เพราะบางกรณีเราก็ไม่ได้ใช้งานในห้องแอร์ตลอดเวลา… มันก็มีโอกาสที่ร้อนแบบหนักๆ บ้างล่ะครับ…

     ส่วนเรื่องข้อเสียนั้น อันดับแรกเลยผมมองว่า วัสดุที่ทำส่วนของจอภาพนั้นยังดูบอบบางไม่ค่อยแข็งแรงสีกเท่าไรนัก จับบิดเล่นดูแล้วเหมือนงอกันง่ายๆ เลยนะ โดยถ้าไม่ระวัง ทำอะไรตกใส่ หรือมีการกระแทกแรงๆ น่าจะมีแตกง่ายๆ อย่างแน่นอน  ส่วนบริเวณที่ข้อพับฐานจอ ถือว่าแข็งแรงอยู่…   ดังนั้นโปรดใช้งานอย่างระมัดระวัง และอันดับที่สองเลยก็คือดูเหมือนอุณหภูมิของ CPU ค่อนข้างสูงไปนิดคือเกือบๆ แตะ 100c กันเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่ตัว GPU เวลาเล่นเกมนั้นไม่ได้ร้อนอะไรมากนัก 75-85c เต็มที่ (แต่จากการใช้งานจริง มันก็ไม่ได้มีการ Heat อะไรจนดับหรือค้างหรอกนะครับ ผมแค่สังเกตุว่า Temp มันดูร้อนไปนิดๆ แต่ก็เข้าใจล่ะครับว่า NB พื้นที่ระบายความร้อนมันทำได้จำกัด ก็คงทำได้ดีที่สุดเท่านี้ล่ะ)  ส่วนเรื่องของ Battery นั้นไม่ขอตอบอะไรมากว่าใช้งานได้นานเท่าไร  เพราะว่าของที่ติดมากับตัวทดสอบ ดูเหมือนจะไม่เก็บประจุได้ดีสักเท่าไรนัก หรือเสื่อมแล้วนั่นเอง…  ส่วนของขายจริงไม่รู้นะว่าเป็นอย่างไรบ้างนะ… โดย Batter ด้านในเป็นแบบ Li-Ion จำนวน 6 Cell ติดตั้งอยู่ด้านใน NB เลย แต่สามารถถอดออกได้อยู่นะครับ ลองดูในเทป Live ของเราได้

อย่างไรแล้วก็ฝากสาวก MSI มังกรแดงพิจารณา Notebook Gaming ในรุ่น GL63 8SE 15.6″ ตัวนี้ไว้พิจารณากันด้วย พบกันใหม่ รีวิวฉบับหน้า สวัสดีครับ

 

Special Thank

MSI THAILAND