รีวิว ASUS Geforce RTX 2080 Ti Turbo 11GB GDDR6

Conclusion.

     เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับความแรงของกราฟิกการ์ด NVIDIA Geforce RTX จากค่าย ASUS ในรุ่น RTX 2080 Ti TURBO 11Gb GDDR6 ตัวนี้ ซึ่งต้องบอกได้เลยว่า ผลการทดสอบที่ความละเอียดหน้าจอ 1920x1080p นั้นเจ้า RTX2080 Ti นั้นทำได้แรงกว่าตัว GTX1080 Ti ตัวเรือธงเก่าก่อนหน้านี้ได้ เฉลี่ยประมาณ 10fps+++ เฉลี่ยกันเลยทีเดียวครับ และในบางเกมก็ทำให้เห็นผลชัดเจนที่แรงกว่าในระดับ 15-19fps. เฉลี่ยกันเลยทีเดียว  และที่สำคัญเลยก็คืออัตราการใช้พลังงานนั้นก็ใช้ต่ำกว่า GTX 1080 Ti อยู่ระดับหนึ่งด้วย จัดว่าเป็นการพัฒนาให้แรงขึ้นโดยที่อัตราการบริโภคพลังงานไม่ได้สูงกว่าสถาปัตยกรรมเดิม จัดว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวสำหรับ Performance/Watt

     เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีมาให้เลยก็คือการเพิ่มหน่วยประมวลผลแสงเงาและในส่วนของ AI + DLSS เข้ามาด้วยการใส่ RT Core และ Tensor Core ช่วยชุดประมวลผล CUDA เดิมให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นอนาคตอันใกล้นี้ หากมีการ Update ให้เปิด Ray Tracing กับเกมให้มากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของตัวการ์ด RTX ให้ทำงานกับ Ray Tracing + Engine Game ให้สมบูรณ์ขึ้น ก็น่าจะทำให้เหล่าเกมเมอร์นั้นได้เห็นภาพสวยๆ +fps. สูงๆ เล่นเกมมันส์กว่าเดิมแน่นอนครับ ซึ่งล่าสุดอย่างที่เราเจอกันเมื่อตอนที่ Ray เปิดในเกม BF5 เป็นครั้งแรกนั้นเล่นเอาเหล่าผู้เล่นที่มี RTX อยู่ในมือเข่าแทยทรุด เมื่อเปิด Ray แล้วเฟรมเรทในเกมหายไปถึง 80-100fps กันเลยทีเดียว หุหุ…. และในเวลาต่อมาทางค่ายเกมและ Microsoft DXR ก็ได้ทำการปรับปรุงให้ประสิทธิภาพของการ์ด RTX เมื่อทำงานกับชุดคำสั่ง Ray นั้นมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิมประมาณ 50% ซึ่งก็ทำได้จริงครับ เพราะผมก็ลองเล่น BF5 + Ray ในช่วงแรกๆ พบว่าเฟรมเฉลี่ยของเกม 1080p + DX12 + DXR นั้นอยู่เพียง 25-35fps เฉลี่ยเท่านั้นเอง น่าเศร้ามากๆ  และเมื่อมีการ Update แล้วพบว่าเฟรมเฉลี่ยในการเล่นเกมดีขึ้นอย่างชัดเจนที่ 60-80fps เฉลี่ยเลยล่ะครับ

     สุดท้ายนี้ก็ต้องลุ้นกันต่อไปว่า Ray Tracing นั้นจะเปิดให้ใช้งานได้ในเกมอื่นๆ มากขึ้นเร็วๆ นี้  และอย่างไรก็ต้องขอฝากพิจารณาเค้า ASUS Geforce RTX2080 Ti TURBO 11GB GDDR6 ตัวนี้กันด้วยนะครับ สวัสดีครับ ^^”

 

Special Thanks

Power By Clock’Em UP Team