รีวิว HyperX Pulsefire Haste Ultra-Lightweight Gaming Mouse

Testing

     เอาล่ะครับมาพูดถึงความรู้สึกจากการใช้งานของเจ้า HyperX Pulsefire HASTE ตัวนี้กันเลยดีกว่าครับ โดยต้องบอกเลยว่าสัมผัสแรกคือ เน้นความเบาจริงๆ  ซึ่งช่วงนี้กระแสของเม้าส์สายเบาหวิวแบบนี้ มีออกมาหลายค่ายมาก ซึ่งก็เป็นความชอบของผมเลยพอดี เพราะที่ผ่านมา ค่อนข้างเริ่มชอบเม้าส์ที่เน้นความเบามาอยู่สักพักแล้ว ยิ่งได้มาลองรุ่น HASTE ตัวนี้ ต้องบอกเลยว่ากลายเป็นตัวโปรดของผมเลย เนื่องด้วยรูปแบบที่จับดูครั้งแรก ก็รับรู้ได้เลยว่าเป็นทรงเม้าส์ที่ปรับตัวเข้ากับมันได้ง่าย ซึ่งทรงนี้ผม ok มาก (ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละบุคคลนะครับ) และด้วยการที่มันมีน้ำหนักที่เบา และจับถนัดมือพอดี ทำให้ผมรู้สึกใช้งานคล่องมือดีมาก ทั้งการทำงาน แต่งรูป และเล่นเกม MOBAs / FPS นั้น OK เลยคุมง่าย ไม่ต้องขยับมือมาก เพราะส่วนตัวแล้ว ผมเล่นเกม ถนัดแบบไม่ชอบกวาดเม้าส์เป็นวงกว้างมากนัก ผมชอบขยับแค่ข้อมือในการเล่น ไม่ใช่สายกวาด จึงตอบโจทย์ผมมาก (แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนด้วยครับ)

 

Software : NGENUITY

แนะนำตัว Software กันอีกสักนิด โดยมีชื่อว่า HyperX NGENUITY สามารถโหลดติดตั้งในได้ Microsoft Store ได้เลยครับ โดยสามารถปรับแต่งการใช้งานกับอุปกรณ์ Gaming Gear ของทาง HyperX ที่รองรับได้ทุกรุ่นเลยครับ

 

สามารถปรับแต่งปุ่มต่างๆ ได้ทั้งหมด 6 ปุ่มด้วยกัน โดยแต่ละปุ่มก็สามารถปรับเปลี่ยน Program ได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ว่าต้องการให้ปุ่มไหน เป็นการทำงานของอะไร

 

ในเรื่องของการปรับแต่ง Sensor นั้นสามารถตั้งความละเอียดได้ตั้งแต่ 200 DPI ไปจนถึง 16000 DPI โดยสามารถสร้าง DPI Step ได้สูงสุด 5 ระดับครับ

 

ค่า Polling Rate สามารตั้งได้สูงสุด 1000Hz

 

นอกจากนนี้ตัว Software ยังสามารถเป็นตัว Update Firmware ของอุปกรณ์ HyperX ได้ทุกรุ่นอีกด้วย หากมีการ Update ของ Firmware มันจะแจ้งเตือนให้ Update อุปกรณ์นั้นๆ ขึ้นมาทันทีครับ

 

Gaming performance

     ความรู้สึกจากการใช้งานจริง ขอเริ่มที่เกม COD MW ในโหมด Multi-Player นะครับ บอกเลยว่าพอใช้ได้เลยนะ สำหรับความคล่องตัวเพราะตัวเม้าส์นั้นเบามาก โดยสไตล์การเล่นของผม คือไม่ชอบกวาดเม้าส์ เน้นขยับข้อมูลและยกเม้าส์เอา โดยความละเอียดของ DPI ที่ผมถัดของเกมนี้ คือจะตั้งไว้ที่ 400 / 600 / 800 / 1600 DPI โดยที่ถนัด จะเป็นระดับ 400/600 DPI ซึ่งขึ้นอยูกับอาวุธปืนที่เราใช้ และการปรับแต่งปืนด้วย ว่าถนัดแบบไหน โนยรวมแล้วผมว่า OK ครับ  แต่อย่างไรก็ดี ถ้าให้เทียบกับของ HyperX เอง ผมว่ารุ่น Pulsefire RAID + Pixart 3389 Sensor ผมว่ามีความแม่นยำกว่าสำหรับการใช้งานของผม  แต่รุ่น HASTE นั้นได้เรื่องน้ำหนักเบา เหมาะกับความถนัดของตัวผู้เขียนเอง จึงบอกได้เลยว่า รักทั้ง 2 รุ่นเลย   แต่ถ้าเอามาทำงาน และเล่นเกม MOBAs ด้วย ผมว่าใช้ตัว HASTE นั้นเข้ามือผมว่าเยอะครับ (แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน)

     ส่วนข้อเสียของเม้าส์ที่เบาแบบนี้เลยก็คือ ต้องปรับตัวสักนิดสำหรับคนที่ใช้เม้าส์ที่มีน้ำหนักมาก่อน เพราะถ้าเล่นเกมแนว FPS. การเล็งเป้า หรือขยับ Cursor mouse อาจจะทำให้พลาดได้ เพราะน้ำหนักเบามาก ผมแนะนำให้เลือกใช้ความเร็ว DPI ที่ต่ำลง เช่น 800, 600 และ 400 DPI แล้วแต่ความถนัดเลยครับ โดยค่า DPI ต่ำ + เม้าส์เบา ทำให้ความคุมได้นิ่งขึ้น อย่างไรแล้วก็ต้องลองจูน/ปรับแต่งให้เข้ากับมือผู้ใช้แต่ละคนดูกันเสียเองถึงจะได้คำตอบที่ดีที่สุดครับ